ต่างชาติชื่นชมระบบขนส่งทางเลือกของ กทม.หลักปฏิบัติที่ดีเยี่ยมลดความแออัดถนนสายหลัก
วันนี้ (20 มิ.ย.) เวลา 11.35 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมนี นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม Rio+20 การเจรจาระดับสูงเบอร์ลินเกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาเมืองด้านการจราจรขนส่งของเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่งมีผู้นำเมืองผู้แทนเมือง และองค์กรต่างๆ จาก 66 เมือง ใน 43 ประเทศเข้าร่วมการประชุมถึงศักยภาพและการพัฒนา กทม.ซึ่ง กทม.ได้ยึดแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวรรค์ และประชาชนชาวกรุงเทพฯ มีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดี
นายอมร กล่าวว่า กทม.ภายใต้การบริหารงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.นั้น ได้มุ่งเน้นนโยบาย 6 ด้านเพื่อทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ เมืองสะดวก ปลอดภัย เป็นเมืองแห่งควาามสุข มีสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด และร่มรื่น รวมถึงเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ และเป็นเมืองที่ให้โอกาสแก่ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเมืองด้านระบบขนส่งและการจราจร เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในเขตเมือง ซึ่งมีจำนวนมากให้มีความสะดวกและรวดเร็วนั้น นอกจากการเดินทางบนถนนสายหลักและระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส กทม.ยังได้พัฒนาการเดินทางทางเลือกให้แก่ประชาชน เช่น ระบบขนส่งทางเรือในคลองสายต่างๆ และทางเดินลอยฟ้า (sky walk) เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชน ซึ่งในส่วนของทางเดินลอยฟ้าแต่ละพื้นที่จะมีความสวยงาม มีเอกลักษณ์ และความโดดเด่น นอกจากนี้ กทม.ยังได้จัดบริการรถจักรยานสาธารณะ หรือโครงการปันปั่น ซึ่งปัจจุบันมีจักรยานให้บริการรวมจำนวน 500 คัน ใน 50 สถานีทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากระบบขนส่งมวลชนระบบหลักไปยังอาคารสถานที่ใกล้เคียง รวมถึงระบบขนส่งอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้จักรยานในการเดินทางมากขึ้น และช่วยลดมลพิษทางอากาศ ทั้งนี้ กทม.จะเพิ่มเติมจำนวนจักรยานเป็น 10,000 คัน เพื่อให้การให้บริการครอบคลุมพื้นที่และประชาชนได้ใช้ประโยชน์มากขึ้น
ทั้งนี้ ภายหลังจากรองผู้ว่าฯ กทม.ได้แสดงวิสัยทัศน์แล้ว เมืองต่างๆ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของกทม.ในการแก้ไขปัญหาการจราจรและการเพิ่มการเดินทางทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางโดยเรือ ซึ่งเป็นระบบขนส่งขนาดใหญ่อีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาความแออัดบนถนนสายหลัก และเพิ่มการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วให้แก่ประชาชน โดยที่ประชุมถือว่าเป็นหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของกรุงเทพมหานครในการบริหารจัดการเมืองและพัฒนาระบบขนส่งของเมืองให้มีความหลากหลายและยั่งยืน อีกทั้งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการประชุม Rio+20 ในการวางรากฐานและกำหนดแผนการไปสู่การดำเนินนโยบายและแผนปฏิบัติได้จริงอย่างรวดเร็ว และเป็นตัวอย่างให้แก่เมืองต่างๆ ต่อไป
ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติร่วมทุน เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2556 ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ กทม.สามารถร่วมมือกับภาคเอกชนในการลงทุนและพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ให้สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้ครอบคลุมพื้นที่ เพิ่มความสะดวกการเดินทาง และพัฒนาด้านระบบขนส่งและการจราจรของเมืองอย่างยั่งยืน
วันนี้ (20 มิ.ย.) เวลา 11.35 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมนี นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม Rio+20 การเจรจาระดับสูงเบอร์ลินเกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาเมืองด้านการจราจรขนส่งของเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่งมีผู้นำเมืองผู้แทนเมือง และองค์กรต่างๆ จาก 66 เมือง ใน 43 ประเทศเข้าร่วมการประชุมถึงศักยภาพและการพัฒนา กทม.ซึ่ง กทม.ได้ยึดแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวรรค์ และประชาชนชาวกรุงเทพฯ มีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดี
นายอมร กล่าวว่า กทม.ภายใต้การบริหารงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.นั้น ได้มุ่งเน้นนโยบาย 6 ด้านเพื่อทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ เมืองสะดวก ปลอดภัย เป็นเมืองแห่งควาามสุข มีสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด และร่มรื่น รวมถึงเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ และเป็นเมืองที่ให้โอกาสแก่ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเมืองด้านระบบขนส่งและการจราจร เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในเขตเมือง ซึ่งมีจำนวนมากให้มีความสะดวกและรวดเร็วนั้น นอกจากการเดินทางบนถนนสายหลักและระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส กทม.ยังได้พัฒนาการเดินทางทางเลือกให้แก่ประชาชน เช่น ระบบขนส่งทางเรือในคลองสายต่างๆ และทางเดินลอยฟ้า (sky walk) เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชน ซึ่งในส่วนของทางเดินลอยฟ้าแต่ละพื้นที่จะมีความสวยงาม มีเอกลักษณ์ และความโดดเด่น นอกจากนี้ กทม.ยังได้จัดบริการรถจักรยานสาธารณะ หรือโครงการปันปั่น ซึ่งปัจจุบันมีจักรยานให้บริการรวมจำนวน 500 คัน ใน 50 สถานีทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากระบบขนส่งมวลชนระบบหลักไปยังอาคารสถานที่ใกล้เคียง รวมถึงระบบขนส่งอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้จักรยานในการเดินทางมากขึ้น และช่วยลดมลพิษทางอากาศ ทั้งนี้ กทม.จะเพิ่มเติมจำนวนจักรยานเป็น 10,000 คัน เพื่อให้การให้บริการครอบคลุมพื้นที่และประชาชนได้ใช้ประโยชน์มากขึ้น
ทั้งนี้ ภายหลังจากรองผู้ว่าฯ กทม.ได้แสดงวิสัยทัศน์แล้ว เมืองต่างๆ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของกทม.ในการแก้ไขปัญหาการจราจรและการเพิ่มการเดินทางทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางโดยเรือ ซึ่งเป็นระบบขนส่งขนาดใหญ่อีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาความแออัดบนถนนสายหลัก และเพิ่มการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วให้แก่ประชาชน โดยที่ประชุมถือว่าเป็นหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของกรุงเทพมหานครในการบริหารจัดการเมืองและพัฒนาระบบขนส่งของเมืองให้มีความหลากหลายและยั่งยืน อีกทั้งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการประชุม Rio+20 ในการวางรากฐานและกำหนดแผนการไปสู่การดำเนินนโยบายและแผนปฏิบัติได้จริงอย่างรวดเร็ว และเป็นตัวอย่างให้แก่เมืองต่างๆ ต่อไป
ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติร่วมทุน เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2556 ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ กทม.สามารถร่วมมือกับภาคเอกชนในการลงทุนและพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ให้สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้ครอบคลุมพื้นที่ เพิ่มความสะดวกการเดินทาง และพัฒนาด้านระบบขนส่งและการจราจรของเมืองอย่างยั่งยืน
