“อมร” เล็งเสนอตั้งสำนักพลังงานทางเลือก ดูแลด้านการพลังงานของกรุงเทพมหานคร
วันนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมนี : นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เดินทางเข้าร่วมการประชุม Rio+20 การเจรจาระดับสูงเบอร์ลินเกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาเมืองและการจราจรขนส่งในเมืองอย่างยั่งยืน ณ EUREF-Campus “Gasometer” ในฐานะตัวแทนของกรุงเทพมหานคร โดยในการประชุมครั้งนี้จัดโดยกรมเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (United Nations department of Economic and Social Affairs) องค์กรด้านการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (HABITAT) ร่วมกับกรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย. 56 มีนายกเทศมนตรี และผู้แทนจากเมืองต่างๆ เข้าร่วมประชุมจำนวน 66 เมือง อีกทั้งตัวแทนทั้งภาครัฐและเอกชนด้านการขนส่งและพลังงานจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมประชุม อาทิ นาโกยา ประเทศญี่ปุ่น ซานตาโมนิกา มลรัฐแคลิเฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นครการากัล ประเทศเวเนซุเอลา นครโตรอนโต ประเทศแคนาดา นครมุมไบ ประเทศอินเดีย กรุงสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ กรุงเบอร์ลิน และกรุงแบรนเดนเบิร์ก สาธารณรัฐเยอรมนี และกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เป็นต้น
นายอมร เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเรียนรู้รูปแบบการพัฒนาเมืองของกรุงเบอร์ลิน และเมืองคู่ขนานกับกรุงเบอร์ลิน ซึ่งนักบริหารเมืองจะต้องเปิดใจในการจะเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิด แม้แต่กรุงเบอร์ลินซึ่งมีขนาดเท่ากับกรุงเทพมหานคร ก็เปลี่ยนแนวคิด หรือรูปแบบพัฒนาเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการขนส่งของการเดินทาง ในการผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้จักรยานมากขึ้น รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่ และลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัวลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004-2010 ซึ่งสามารรถลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวได้มากกว่า 10% ดังนั้นจึงเป็นแนวคิดให้กรุงเทพมหานครจะต้องวางแผนและจัดการระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ให้ยั่งยืนมากขึ้น
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังมีการพูดถึงการสร้างทัศนคติใหม่ในการใช้พลังงาน ซึ่งในส่วนของ กทม.ยังไม่มีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านพลังงานในกรุงเทพมหานครโดยตรง ดังนั้นจึงคิดว่า กทม.ควรจะมีสำนักพลังงานทางเลือก หรือ renoval energy เพื่อเป็นหน่วยงานที่รวบรวมข้อมูลด้านพลังงานทั้งหมดของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากธรรมชาติ แสงแดด น้ำ อากาศ ความร้อน หรือแม้กระทั่งขยะ และพลังงานรูปแบบใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญของเมือง รวมถึงกรุงเทพมหานครที่ต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับการใช้พลังงาน เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย เช่นเดียวกับกรุงเบอร์ลินซึ่งเป็นเมืองหลวงของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำของการคิดใหม่และเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการเมือง
วันนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมนี : นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เดินทางเข้าร่วมการประชุม Rio+20 การเจรจาระดับสูงเบอร์ลินเกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาเมืองและการจราจรขนส่งในเมืองอย่างยั่งยืน ณ EUREF-Campus “Gasometer” ในฐานะตัวแทนของกรุงเทพมหานคร โดยในการประชุมครั้งนี้จัดโดยกรมเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (United Nations department of Economic and Social Affairs) องค์กรด้านการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (HABITAT) ร่วมกับกรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย. 56 มีนายกเทศมนตรี และผู้แทนจากเมืองต่างๆ เข้าร่วมประชุมจำนวน 66 เมือง อีกทั้งตัวแทนทั้งภาครัฐและเอกชนด้านการขนส่งและพลังงานจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมประชุม อาทิ นาโกยา ประเทศญี่ปุ่น ซานตาโมนิกา มลรัฐแคลิเฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นครการากัล ประเทศเวเนซุเอลา นครโตรอนโต ประเทศแคนาดา นครมุมไบ ประเทศอินเดีย กรุงสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ กรุงเบอร์ลิน และกรุงแบรนเดนเบิร์ก สาธารณรัฐเยอรมนี และกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เป็นต้น
นายอมร เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเรียนรู้รูปแบบการพัฒนาเมืองของกรุงเบอร์ลิน และเมืองคู่ขนานกับกรุงเบอร์ลิน ซึ่งนักบริหารเมืองจะต้องเปิดใจในการจะเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิด แม้แต่กรุงเบอร์ลินซึ่งมีขนาดเท่ากับกรุงเทพมหานคร ก็เปลี่ยนแนวคิด หรือรูปแบบพัฒนาเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการขนส่งของการเดินทาง ในการผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้จักรยานมากขึ้น รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่ และลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัวลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004-2010 ซึ่งสามารรถลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวได้มากกว่า 10% ดังนั้นจึงเป็นแนวคิดให้กรุงเทพมหานครจะต้องวางแผนและจัดการระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ให้ยั่งยืนมากขึ้น
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังมีการพูดถึงการสร้างทัศนคติใหม่ในการใช้พลังงาน ซึ่งในส่วนของ กทม.ยังไม่มีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านพลังงานในกรุงเทพมหานครโดยตรง ดังนั้นจึงคิดว่า กทม.ควรจะมีสำนักพลังงานทางเลือก หรือ renoval energy เพื่อเป็นหน่วยงานที่รวบรวมข้อมูลด้านพลังงานทั้งหมดของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากธรรมชาติ แสงแดด น้ำ อากาศ ความร้อน หรือแม้กระทั่งขยะ และพลังงานรูปแบบใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญของเมือง รวมถึงกรุงเทพมหานครที่ต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับการใช้พลังงาน เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย เช่นเดียวกับกรุงเบอร์ลินซึ่งเป็นเมืองหลวงของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำของการคิดใหม่และเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการเมือง
