นายกฯ ประธานเปิดงาน ไทยแลนด์ ซัสเทนนาเบิล ดีเวลอปเมนต์ ซิมโพเซียม 2011 ชี้การพัฒนายั่งยืนหัวใจเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ระบุประเทศ ศก.ใหม่เริ่มมีบทบาทเพิ่ม รับภัยพิบัติกระทบผลิตอาหาร ยันนโยบายรัฐหนุนพลังงานทดแทน สร้างสมดุลอาหาร พลังงาน นำพอเพียงปรัชญาพัฒนาประเทศ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับ 11 ด้าน เอสซีจีมอบ 20 ล้านช่วยน้ำท่วม
วันนี้ (19 ก.ย.) ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน Thailand Sustanable Development Symposium 2011 โดยบริษัท เอสซีจี จำกัด โดยนายกฯ ได้เแสดงวิสัยทัศน์ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยตอนหนึ่งว่า การทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นหัวใจในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาประเทศอย่างสมดุล เราจะต้องสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้การดำเนินการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทุกวันนี้กระแสโลกาภิวัตน์ได้เปลี่ยนแปลงไปที่เรียกว่า ไร้พรมแดน ทำให้การเข้าสู่ศตวรรคที่ 21 เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยที่สำคัญของประเทศ ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่า เกิดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่กลุ่ม BRICS อย่างประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ที่กำลังซึ่งกำลังก้าวเข้ามามีบทบาท ซึ่งเมื่อก่อนจะเป็นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังเคลื่อนตัวสู่ภูมิภาคเอเซีย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน ดังนั้นเวทีอาเซียนที่กำลังจะมาถึง ไทยจะต้องมีการเตรียมตัวการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเข้ามาสู่ประเทศไทย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า สำหรับความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของผู้สูงอายุสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะมีสวัสดิการที่จะดูแลรักษาผู้สูงอายุดีขึ้น มีคนที่ย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ และแม้กระทั่งการสื่อสารข้ามประเทศที่ไม่มีขอบเขตอีกต่อไป เป็นโอกาสกับประเทศไทยที่ทำให้เปิดโลกทัศน์ในการรับรู้ได้มากขึ้น ทางด้านสิ่งแวดล้อมจะเห็นว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น โดยเฉพาะภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทำให้ผลผลิตต่างๆ นั้นได้รับผลกระทบ เห็นได้จากผลผลิตการเกษตรที่ลดลง ส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร วันนี้ทุกประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ตื่นตัวในเรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร เพราะสิ่งที่เราเผชิญทางด้านพลังงานจากฟอสซิลที่เหลือน้อย ต้องอาศัยพลังงานที่ผลิตภัณฑ์การเกษตร ก็จะทำให้เกิดการแย่งพื้นที่ทางด้านพลังงานเช่นกัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า นโยบายรัฐบาลต้องหาพลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานจากธรรมชาติเพื่อให้เกิดการทดแทนจากธรรมชาติ คือสิ่งจำเป็นระยะยาว ส่วนภาคอุตสาหกรรมรัฐบาลเองได้มีนโยบายส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมพลังงานทดแทน การประหยัดพลังงาน เพื่อวางอนาคตทางด้านพลังงาน และเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ให้เกิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางอุตสาหกรรมให้เอื้อต่อสังคมเป็นเรื่องที่จำเป็น ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมให้อยู่ร่วมกันได้ เร่งปรับปรุงเทคโนโยยีการผลิต ลดการใช้ทรัพยากรเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าสเรือนกระจกด้วยหลัก 5 R คือ Reduce ลดการใช้ Reuse นำกลับมาใช้ใหม่ Repais ซ่อมแซม Recycle การผลิตเพื่อนำมาใช้ใหม่ และ Rejects การหลีกเลี่ยงขยะที่เป็นมลพิษ ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องสร้างความสมดุลทางอาหาร และพลังงาน ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่คนยากไร้ด้วย ดังนั้นเราต้องนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นปรัชญาเพื่อพัฒนาประเทศ ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ สร้างความสมดุลถาวร ซึ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 11 จะนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2555-2559 ที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นบทบาทสำคัญของประเทศ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
นอกจากนี้ ทางบริษัท เอสซีจี ได้บริจาคเงินจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อสมทบกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำนักนายกรัฐมนตรี