โดย...สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน/คอลัมน์ พ่อแม่ลูกปลูกรัก
เวลาที่พ่อแม่พาลูกๆ ไปร้านขายของเล่น หรือแผนกของเล่นในห้างสรรพสินค้า มักจะได้เห็นภาพเด็กๆ วิ่งวุ่นไปทั่วร้าน และสนใจไปซะทุกสิ่งอย่าง ไอ้นั่นก็อยากได้ ไอ้นี่ก็อยากได้ เด็กบางคนได้บ้างไม่ได้บ้าง คนที่ไม่ได้ก็มีหลากหลายพฤติกรรม ตั้งแต่หน้าจ๋อย ไปจนถึงลงไปนอนดิ้นกับพื้น เป็นภาพชินตาที่พบเห็นอยู่บ่อยๆ
แต่ที่นี่ กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง..ร้านขายของเล่น TOYS UNIQUE ตั้งอยู่ในชุมชนที่เรียกว่า Potomac, Maryland ในสหรัฐอมริกา
ดิฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมร้านขายของเล่นร้านนี้ ที่มีเจ้าของร้านชื่อคุณจารุณี จันทรปรรณิก หรือ “พี่ติ๋ว” ผู้หญิงชาวไทยที่ไปตั้งรกรากที่นั่นมาประมาณ 50 ปี และเปิดร้านขายของเล่นนี้มาจะครบ 20 ปีในปีหน้า มีคุณธัชพงศ์ จันทรปรรณิก หรือ “พี่ธัช” คู่ชีวิตเป็นผู้ช่วยในทุกทาง
ระหว่างกำลังตื่นตาตื่นใจกับของเล่นจำนวนมากที่เพิ่งได้พบเจอะเจอ และแตกต่างไปจากบ้านเรา เพราะของเล่นส่วนใหญ่ในร้านจะเป็นของเล่นประเภท Education Toys มีมากมายหลากหลาย ชนิดที่สามารถอยู่ได้เป็นวันๆ
ความพิเศษของร้านนี้ไม่ใช่แค่ของเล่นที่มากมายและเป็น Education Toys เท่านั้น แต่ความพิเศษอยู่ที่เจ้าของร้าน
ทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้ามาภายในร้านของเธอ จะทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส เธอสามารถจดจำลูกค้าของเธอได้แทบจะทุกราย พ่อแม่คนไหนมีลูกกี่คน อายุเท่าไร เพศอะไร ตอนนี้เติบโตถึงวัยไหนแล้ว ชอบของเล่นประเภทไหน จะอยู่ในความทรงจำของเธอ เมื่อลูกค้าเข้ามาภายในร้าน เธอจะคอยแนะนำของเล่นที่บ่งบอกวัย พัฒนาการ สิ่งไหนที่เหมาะกับเด็กวัยไหนได้อย่างน่าทึ่ง นั่นหมายความว่าเธอต้องรู้จักสินค้าภายในร้านของเธอทุกชิ้น และแน่นอนเธอเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าทุกชิ้นภายในร้าน
ดิฉันไม่ได้มาชื่นชมเธอที่รู้จักของเล่นทุกชิ้นในร้านอย่างเดียว แต่ต้องการจะสะท้อนในเห็นว่า นี่เป็นสิ่งขาดแคลนในสังคมไทย..!!
บ้านเรามีร้านขายของเล่นแทบจะทุกหัวถนน ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของชำ ร้านขายยา งานวัด ไปจนกระทั่งถึงแผนกขายของเล่นในห้างสรรพสินค้า แต่จะมีสักกี่ร้านที่เข้าใจถึงของเล่นแต่ละชนิดว่าเล่นอย่างไร เหมาะกับเด็กวัยไหน แบบไหนเป็นอันตรายกับเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเล่นสำเร็จรูปที่ขายกันเกลื่อนเมืองในราคาถูก หาซื้อได้ง่ายเหลือเกิน แต่รู้หรือไม่ว่าเป็นอันตรายต่อเด็กมากน้อยขนาดไหน ทั้งสี กลิ่น ความแหลมคมที่เป็นอันตรายต่อเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ชอบนำเอาเข้าปาก เราก็เห็นข่าวในท่วงทำนองนี้บ่อยครั้ง โดยที่พ่อแม่ไม่ได้ให้ความสนใจและความสำคัญในเรื่องนี้เท่าที่ควร คิดเพียงแต่ว่าของเล่นราคาถูก ไม่เป็นไรหรอก เล่นสนุกๆ พังก็ทิ้ง
ในขณะที่แผนกขายของเล่นในห้างสรรพสินค้าที่มีการคัดเลือกสินค้าของเล่นคุณภาพจำนวนมาก มีราคาสูงตามสถานที่จำหน่าย แต่ส่วนใหญ่ก็จะปล่อยให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันตามใจชอบ เพราะพนักงานขายเองก็ไม่ได้รู้จักคุณสมบัติของสินค้า ปล่อยให้เด็กๆ เลือกซื้อกันตามสบาย อยากได้อะไรก็ดูหน้ากล่องสินค้า ซึ่งมีบอกคุณสมบัติพื้นฐาน เช่น เหมาะกับเด็กวัยอายุเท่าไรขึ้นไป สี Non Toxic หรือฯลฯ ลักษณะจำเพาะบางประการ จากนั้นลูกค้าก็นำไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์
เรียกว่าถ้าพ่อแม่ไม่มีความรู้ในเรื่องของเล่น หรือเข้าใจว่าการเลือกของเล่นให้ลูกก็คือการฝึกพัฒนาการ ฝึกการเรียนรู้ ฝึกทักษะในด้านต่างๆ มากมาย รวมไปถึงการปลูกฝังหรือส่งเสริมให้เขาสนใจเรื่องราวบางเรื่องที่พ่อแม่ต้องการให้เขาเรียนรู้ผ่านของเล่นได้ด้วย
ร้านขายของเล่น TOYS UNIQUE จึงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับดิฉันอย่างมาก ยิ่งได้พูดคุยกับพี่ติ๋วก็ยิ่งทึ่งว่า ร้านขายของเล่นที่อยู่กับชุมชนมายาวนาน จะเกิดความผูกพันในชุมชน และเป็นมากกว่าแค่ร้านของเล่น
ยกตัวอย่างคุณยายวัย 85 ปี ที่เดินเข้ามาภายในร้าน ทักทายกับพี่ติ๋วด้วยความคุ้นเคย เธอเป็นคุณยายต่างเมืองที่มาเยี่ยมหลานในชุมชนนี้ และทุกครั้งเธอจะแวะมาที่ร้านนี้ เพื่อให้พี่ติ๋วเลือกของเล่นให้กับหลานของเธอ นั่นหมายความว่าพี่ติ๋วจะรู้จักหลานของเธอว่าอายุเท่าไรแล้ว ตอนนี้สนใจอะไร และของเล่นชิ้นไหนที่น่าจะเหมาะกับเด็กน้อย และทุกครั้งคุณยายท่านนี้ก็ไม่ผิดหวัง เพราะหลานของเธอก็จะชอบทุกครั้ง
ระหว่างนั่งคุยกันไป ดิฉันก็เห็นภาพแม่จูงเด็กน้อยมาเลือกของเล่น โดยมีเธอคอยให้ข้อมูลกับสินค้าทุกชิ้น และดูเหมือนว่าลูกค้าทุกคนก็เชื่อเธอ..!!
“เราต้องเข้าใจลูกค้า เข้าใจสินค้า และที่สำคัญต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า เราจะเอาของชิ้นนี้ให้ลูกเขาเล่นเหรอ เราต้องการให้เขากลับมา ไม่ใช่มาครั้งเดียว เราต้องให้ลูกเขาเล่นต่อเนื่อง เช่น เล่นรถไฟชิ้นหนึ่งเมื่อเขายังเล็ก พอโตขึ้นก็ต่อไปเรื่อยๆ ทุกอย่างต้องต่อเนื่องในชีวิต”
พี่ติ๋วเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เคยมีร้านขายของเล่นชื่อดัง “Imaginarium” ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ TOY R US มาตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม และประกาศว่าจะทำให้ร้านของเธอต้องปิดตัวลงภายใน 3 เดือน แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น
เธอบอกว่าช่วงนั้นเธอเครียดมาก เพราะเธอเป็นร้านขายของเล่นขนาดเล็ก แต่ปรากฏว่า ชุมชนแถวนั้นต่างก็เข้ามาให้กำลังใจเธอ มากอดเธอ มาอุดหนุนเธอ มีเด็กๆ ถึงขนาดบอกว่าจะเอาป้ายไปประท้วงหน้าร้านขายของเล่นขนาดใหญ่แห่งนั้น ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากความเป็นชุมชนที่เข้มแข็งที่ไม่ต้องการให้ห้างขนาดใหญ่ผูกขาด และสุดท้ายก็เป็นจริง ร้านขายของเล่นชื่อดังก็ต้องปิดตัวไปหลังจากเปิดมาได้ 2 ปี
ลูกค้าหลายรายในชุมชนมาขอบคุณพี่ติ๋วที่ได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้ชุมชน หลายคนแม้ลูกโตแล้วก็ยังวนเวียนเข้ามาเยี่ยม พยายามจะหาซื้อของอะไรสักอย่าง กระดาษห่อของขวัญก็ยังดี เพียงเพื่อจะได้รู้สึกว่ายังได้อุดหนุนร้านที่ได้ช่วยดูแลลูกเขามา เจ้าของตึกที่ร้านเช่าอยู่ไม่ขึ้นค่าเช่ามานาน เมื่อเวลาขายตึกไปสู่เจ้าของใหม่ ก็บอกต่อว่าอย่าขึ้นค่าเช่าร้านนี้นะ ไม่งั้นเดี๋ยวชาวบ้านจะมารุมต่อว่า
TOYS UNIQUE มีความเป็น “โชวห่วย” และเป็นเครื่องเชิดหน้าชูตาของชุมชน
ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่หายไปจากสังคมไทยในวันนี้ยังคงมีอยู่ที่ชุมชนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
ประเด็นนี้ก็ช่างแตกต่างจากบ้านเราเหลือเกิน ทั้งประเด็นภาพรวมคือความเข้มแข็งของชุมชน ความเป็นโชห่วยที่ยังคงดำรงอยู่ และประเด็นภาพเฉพาะเกี่ยวกับร้านขายของเล่น เพราะทุกวันนี้ร้านขายของเล่นบ้านเราจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกก็มีขายของเล่นราคาถูกตามร้านขายของชำ โดยของเล่นส่วนใหญ่จะเป็นของเล่นสำเร็จรูปราคาถูก
อีกประเภทหนึ่งจะไปอยู่ในแผนกของห้างสรรพสินค้า และให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันเอง อยู่ที่ว่าพ่อแม่จะมีความรู้ในเรื่องของเล่นชิ้นนั้นๆ มากน้อยแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่จะปล่อยให้ลูกเลือกและพ่อแม่เป็นผู้จ่ายเงินเท่านั้น
ทั้งที่จริงแล้ว “ของเล่น” ของเด็กมีความสำคัญอย่างยิ่ง เด็กที่มีโอกาสได้สัมผัสของเล่นประเภท Education Toys ที่เหมาะสมกับเพศ วัย และพัฒนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กที่ได้รับการฝึกทักษะการเล่นอย่างมีคุณภาพและปลอดภัย จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นพัฒนาการของสมองได้อย่างมากมายมหาศาล
ในขณะที่บ้านเรา อย่าว่าแต่ของเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเลย เดี๋ยวนี้ของเล่นที่น่ากลัวกว่าก็คือบรรดาของเล่นเทคโนโลยีที่เข้ามาแทนที่ของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการไปอย่างมาก
เรียกว่าแทนที่จะส่งเสริมพัฒนาการของลูกกลับกลายกำลังเป็นการขัดขวางและทำลายสมองของลูกไปซะอีก..!!!