สถานการณ์ไข้เลือดออกกลุ่มประเทศอาเซียนน่าห่วง หวั่นช่วง มิ.ย.-ส.ค.56 จะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากเดิม 2-3 เท่าตัว สธ.ไทย เร่งรณรงค์พิชิตไข้เลือดออก ชูหลัก 5 ป.1 ข.คือ ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับ ปฏิบัติ และขัดไข่ยุงลาย
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดงานวันรณรงค์เนื่องในวันไข้เลือดออกอาเซียนประจำปี 2556 (ASEAN Dengue Day 2013) ซึ่งจัดพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และพร้อมอีก 9 ประเทศสมาชิกอาเซียน ปีนี้มีคำขวัญว่า อาเซียนร่วมใจปลอดภัยไข้เลือดออก (ASEAN Unity for Dengue-Free Community) โดยนำขบวนคาราวานเดินรณรงค์เพื่อพิชิตไข้เลือดออกด้วยยุทธการ 5 ป.1 ข.คือ ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับ ปฏิบัติ และขัดไข่ยุงลาย และแจกยาทากันยุงและเวชภัณฑ์ เอกสารความรู้เรื่องการป้องกันควบคุมไข้เลือดออกแจกให้ประชาชน
โดย นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาของโรคไข้เลือดออกไม่ได้มีเฉพาะในไทย พบในประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้น ทั้งภูมิภาคอาเซียน และในเอเชียบางประเทศ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเหมาะต่อการขยายพันธุ์ของยุงลายตัวพาหะนำโรค รัฐมนตรีสาธารณสุข 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย พม่า เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บูรไน กัมพูชา ลาว และ ไทย ได้มีมติกำหนดให้วันที่ 15 มิถุนายนทุกปี ให้เป็นวันไข้เลือดออกอาเซียนเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2554 เป็นต้นมา เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนใน 10 ประเทศอาเซียน ซึ่งมีประมาณ 600 ล้านคน ตระหนักในการป้องกันโรคและร่วมกันแก้ปัญหา ลดความเสี่ยงการระบาดใหญ่ของโรคไข้เลือดออก สร้างชุมชนอาเซียนให้ปลอดไข้เลือดออก เพื่อที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งในปีนี้ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมนานาชาติเรื่องไข้เลือดออกที่กรุงฮานอย ในวันที่ 14 มิถุนายน 2556 ด้วย
สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศอาเซียนในปีนี้อยู่ในเกณฑ์น่าห่วง ข้อมูลจนถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2556 มีรายงานผู้ป่วยใน 6 ประเทศ รวม 123,206 ราย ดังนี้ ฟิลิปปินส์ 37,895 ราย เวียดนาม 13,903 ราย มาเลเซีย 10,401 ราย สิงคโปร์ 8,483 ราย ลาว 6,377 ราย กัมพูชา 2,538 ราย และในส่วนของประเทศไทย ตั้งแต่มกราคม- 11 มิถุนายน 2556 พบผู้ป่วย 43,609 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี พ.ศ.2555 กว่า 3 เท่าตัว เสียชีวิต 50 ราย หากไม่เร่งควบคุม โดยเฉพาะความร่วมมือจากประชาชนทุกคน คาดว่าในช่วง 3 เดือนนี้คือมิถุนายน-สิงหาคม จำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว เนื่องจากมีปริมาณยุงลายมาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สธ.ไทยก็รณรงค์ยึดหลัก 5 ป.1 ข.คือ ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับ ปฏิบัติ และขัดไข่ยุงลาย พร้อมกำชับ สธ.ทุกจังหวัดให้ความรู้ประชาชน
ด้าน ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อาการของโรคไข้เลือดออก ที่สังเกตง่ายๆ คือ ไข้สูงลอย ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง อาจพบจุดเลือดที่ผิวหนัง กดเจ็บชายโครงด้านขวา มักไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ต่างจากการเป็นหวัด เว้นแต่จะเป็นไข้ทั้ง 2 อย่างในเวลาเดียวกัน ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และหากเป็นไข้เลือดออกแล้ว ช่วงที่ไข้ลดลงในวันที่ 3-4 ซึ่งเป็นระยะไข้ทุเลา หรือที่เรียกว่าสร่างไข้ แทนที่ผู้ป่วยจะรู้สึกแจ่มใสขึ้น แต่จะกลับซึมลง กินหรือดื่มไม่ได้ เป็นอาการช็อก มีอันตรายถึงชีวิต ขอให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้ทันท่วงที ช่วงนี้เป็นช่วงการระบาดของโรคไข้เลือดออก จึงขอย้ำเตือนอย่านิ่งนอนใจ จนไปพบแพทย์ช้า ทำให้อาการหนัก รักษายาก และอาจเสียชีวิตได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามที่ศูนย์บริการข้อมูลสายด่วนฮอตไลน์กระทรวงสาธารณสุข หมายเลข 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-3333
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดงานวันรณรงค์เนื่องในวันไข้เลือดออกอาเซียนประจำปี 2556 (ASEAN Dengue Day 2013) ซึ่งจัดพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และพร้อมอีก 9 ประเทศสมาชิกอาเซียน ปีนี้มีคำขวัญว่า อาเซียนร่วมใจปลอดภัยไข้เลือดออก (ASEAN Unity for Dengue-Free Community) โดยนำขบวนคาราวานเดินรณรงค์เพื่อพิชิตไข้เลือดออกด้วยยุทธการ 5 ป.1 ข.คือ ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับ ปฏิบัติ และขัดไข่ยุงลาย และแจกยาทากันยุงและเวชภัณฑ์ เอกสารความรู้เรื่องการป้องกันควบคุมไข้เลือดออกแจกให้ประชาชน
โดย นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาของโรคไข้เลือดออกไม่ได้มีเฉพาะในไทย พบในประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้น ทั้งภูมิภาคอาเซียน และในเอเชียบางประเทศ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเหมาะต่อการขยายพันธุ์ของยุงลายตัวพาหะนำโรค รัฐมนตรีสาธารณสุข 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย พม่า เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บูรไน กัมพูชา ลาว และ ไทย ได้มีมติกำหนดให้วันที่ 15 มิถุนายนทุกปี ให้เป็นวันไข้เลือดออกอาเซียนเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2554 เป็นต้นมา เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนใน 10 ประเทศอาเซียน ซึ่งมีประมาณ 600 ล้านคน ตระหนักในการป้องกันโรคและร่วมกันแก้ปัญหา ลดความเสี่ยงการระบาดใหญ่ของโรคไข้เลือดออก สร้างชุมชนอาเซียนให้ปลอดไข้เลือดออก เพื่อที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งในปีนี้ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมนานาชาติเรื่องไข้เลือดออกที่กรุงฮานอย ในวันที่ 14 มิถุนายน 2556 ด้วย
สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศอาเซียนในปีนี้อยู่ในเกณฑ์น่าห่วง ข้อมูลจนถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2556 มีรายงานผู้ป่วยใน 6 ประเทศ รวม 123,206 ราย ดังนี้ ฟิลิปปินส์ 37,895 ราย เวียดนาม 13,903 ราย มาเลเซีย 10,401 ราย สิงคโปร์ 8,483 ราย ลาว 6,377 ราย กัมพูชา 2,538 ราย และในส่วนของประเทศไทย ตั้งแต่มกราคม- 11 มิถุนายน 2556 พบผู้ป่วย 43,609 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี พ.ศ.2555 กว่า 3 เท่าตัว เสียชีวิต 50 ราย หากไม่เร่งควบคุม โดยเฉพาะความร่วมมือจากประชาชนทุกคน คาดว่าในช่วง 3 เดือนนี้คือมิถุนายน-สิงหาคม จำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว เนื่องจากมีปริมาณยุงลายมาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สธ.ไทยก็รณรงค์ยึดหลัก 5 ป.1 ข.คือ ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับ ปฏิบัติ และขัดไข่ยุงลาย พร้อมกำชับ สธ.ทุกจังหวัดให้ความรู้ประชาชน
ด้าน ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อาการของโรคไข้เลือดออก ที่สังเกตง่ายๆ คือ ไข้สูงลอย ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง อาจพบจุดเลือดที่ผิวหนัง กดเจ็บชายโครงด้านขวา มักไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ต่างจากการเป็นหวัด เว้นแต่จะเป็นไข้ทั้ง 2 อย่างในเวลาเดียวกัน ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และหากเป็นไข้เลือดออกแล้ว ช่วงที่ไข้ลดลงในวันที่ 3-4 ซึ่งเป็นระยะไข้ทุเลา หรือที่เรียกว่าสร่างไข้ แทนที่ผู้ป่วยจะรู้สึกแจ่มใสขึ้น แต่จะกลับซึมลง กินหรือดื่มไม่ได้ เป็นอาการช็อก มีอันตรายถึงชีวิต ขอให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้ทันท่วงที ช่วงนี้เป็นช่วงการระบาดของโรคไข้เลือดออก จึงขอย้ำเตือนอย่านิ่งนอนใจ จนไปพบแพทย์ช้า ทำให้อาการหนัก รักษายาก และอาจเสียชีวิตได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามที่ศูนย์บริการข้อมูลสายด่วนฮอตไลน์กระทรวงสาธารณสุข หมายเลข 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-3333