“ผุสดี” กำชับผู้บริหาร 438 โรงเรียนสังกัด กทม.เดินหน้า 5 มาตรการป้องกันยาเสพติด พร้อมจัดตั้งอาสาสมัครชุมชนเฝ้าระวังภัยและยาเสพติด
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เวลา 13.00 น. นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธานการประชุมผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร 438 โรงเรียน เพื่อมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด “ภายใต้แผนกรุงเทพฯ ปลอดภัยไร้ยาเสพติด Bangkok Clear” โดยมี พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.และ นพ.พีระพงษ์ สายเชี้อ รองปลัด กทม.ร่วมประชุม
นางผุสดี กล่าวว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นมาตรการเร่งด่วนและนโยบายหลักด้านมหานครแห่งความปลอดภัยของ กทม.เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวกรุงเทพฯ ภายใต้แผน “กรุงเทพฯ ปลอดภัยไร้ยาเสพติด Bangkok Clear” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและสารเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแรกที่ดำเนินการคือ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ดังนั้น กทม.จึงมีมาตรการเร่งด่วนที่จะจัดตั้งอาสาสมัครชุมชนเพื่อเฝ้าระวังภัยและยาเสพติด อีกทั้งมีการขยายโครงการชุมชนร่วมใจระวังภัยยาเสพติด และมีแผนที่จะดำเนินการในกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โรงเรียน ชุมชน หอพัก และสถานประกอบการ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด กทม.ที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลซึ่งกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด
นางผุสดี กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดเข้าสู่กลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ซึ่งมีอายุน้อยมากขึ้น กทม.จึงได้กำชับให้ทุกโรงเรียนต้องดำเนินการตาม 5 มาตรการ ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังการใช้ยาและสารเสพติด โดยการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน โดยการเปิดช่องทางรับแจ้งเหตุเมื่อพบการใช้ยาเสพติดในโรงเรียน 2.การป้องกันการใช้และเสพยาเสพติด เช่น สร้างครูและนักเรียนแกนนำ อีกทั้งคัดกรองนักเรียนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสพติด และกลุ่มผู้ค้า ตลอดจนการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง 3.การบำบัดรักษา โดยการให้คำปรึกษา การส่งต่อเพื่อเข้ารับการบำบัด และการติดตามนักเรียนที่ได้รับการบำบัดแล้ว 4.การบังคับใช้กฎหมาย เช่น การป้องปรามกลุ่มนักเรียนที่เป็นผู้ค้า รวมถึงควบคุมสถานที่และสภาพแวดล้อมให้ปลอดสารเสพติด และ 5.การบริหารจัดการ เช่น การประกาศนโยบาย การประชุมชี้แจง และดำเนินการตามมาตรการโรงเรียนปลอดภัยยาเสพติด
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ทุกโรงเรียนจะต้องไม่ปิดบังข้อมูล และให้ความสำคัญกับการรายงานข้อมูลและผลการดำเนินงานตามความเป็นจริง เพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้ อีกทั้งให้เขียนถึงความขัดข้องในการดำเนินการตามนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้บริหารสามารถกำหนดแผนและยุทธศาสตร์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดต่อไป
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เวลา 13.00 น. นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธานการประชุมผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร 438 โรงเรียน เพื่อมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด “ภายใต้แผนกรุงเทพฯ ปลอดภัยไร้ยาเสพติด Bangkok Clear” โดยมี พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.และ นพ.พีระพงษ์ สายเชี้อ รองปลัด กทม.ร่วมประชุม
นางผุสดี กล่าวว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นมาตรการเร่งด่วนและนโยบายหลักด้านมหานครแห่งความปลอดภัยของ กทม.เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวกรุงเทพฯ ภายใต้แผน “กรุงเทพฯ ปลอดภัยไร้ยาเสพติด Bangkok Clear” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและสารเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแรกที่ดำเนินการคือ โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ดังนั้น กทม.จึงมีมาตรการเร่งด่วนที่จะจัดตั้งอาสาสมัครชุมชนเพื่อเฝ้าระวังภัยและยาเสพติด อีกทั้งมีการขยายโครงการชุมชนร่วมใจระวังภัยยาเสพติด และมีแผนที่จะดำเนินการในกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โรงเรียน ชุมชน หอพัก และสถานประกอบการ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด กทม.ที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลซึ่งกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด
นางผุสดี กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดเข้าสู่กลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ซึ่งมีอายุน้อยมากขึ้น กทม.จึงได้กำชับให้ทุกโรงเรียนต้องดำเนินการตาม 5 มาตรการ ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังการใช้ยาและสารเสพติด โดยการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน โดยการเปิดช่องทางรับแจ้งเหตุเมื่อพบการใช้ยาเสพติดในโรงเรียน 2.การป้องกันการใช้และเสพยาเสพติด เช่น สร้างครูและนักเรียนแกนนำ อีกทั้งคัดกรองนักเรียนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสพติด และกลุ่มผู้ค้า ตลอดจนการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง 3.การบำบัดรักษา โดยการให้คำปรึกษา การส่งต่อเพื่อเข้ารับการบำบัด และการติดตามนักเรียนที่ได้รับการบำบัดแล้ว 4.การบังคับใช้กฎหมาย เช่น การป้องปรามกลุ่มนักเรียนที่เป็นผู้ค้า รวมถึงควบคุมสถานที่และสภาพแวดล้อมให้ปลอดสารเสพติด และ 5.การบริหารจัดการ เช่น การประกาศนโยบาย การประชุมชี้แจง และดำเนินการตามมาตรการโรงเรียนปลอดภัยยาเสพติด
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ทุกโรงเรียนจะต้องไม่ปิดบังข้อมูล และให้ความสำคัญกับการรายงานข้อมูลและผลการดำเนินงานตามความเป็นจริง เพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้ อีกทั้งให้เขียนถึงความขัดข้องในการดำเนินการตามนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้บริหารสามารถกำหนดแผนและยุทธศาสตร์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดต่อไป
