เวลาที่ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการกระทำผิดของเด็ก หรือข่าวปัญหาสังคมที่เด็กๆ มีส่วนในการก่อปัญหาขึ้นผู้เขียนมักไม่สบายใจทุกครั้ง เพราะได้แต่คิดไปว่าเหตุใดเด็กๆ เหล่านี้ถึงตกอยู่ในฐานะของผู้กระทำผิดหรือเหตุใดเขาจึงต้องทำผิดทั้งที่เขาเหล่านั้นอายุยังน้อยนัก ปัจจุบันเด็กที่กระทำผิดมักมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ เฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์อายุ 12-18 ปี ซึ่งตามปกติวัยนี้เป็นวัยที่สดใสสวยงามเหมือนต้นไม้ที่กำลังเติบใหญ่ แตกกิ่งใบ ออกดอกออกผลสวยงามต่อไปในไม่ช้า
แต่ข่าวปัจจุบันที่ทำให้ตกใจไม่น้อย คือข่าวเด็กนักเรียนหญิงและเด็กนักเรียนชายใจกล้าโชว์ของลับของตนเองผ่านทางสื่อออนไลน์ หรือข่าวเด็กสาวอายุประมาณ 15-20 ปี โชว์หน้าอกตัวเองเพื่อแลกกับการกด like ทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นกรณีที่ทำให้ใครหลายคนโดยเฉพาะคนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ต้องหยุดคิดว่า นี่เป็นสิ่งแปลกประหลาดในสังคมที่เพิ่งเคยเกิดขึ้น หรือเป็นเรื่องปกติที่มีมานานแล้วกันแน่ และสาเหตุที่ลูกเราทำไปนั้นเพราะเหตุใด เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือและคอยดูแลลูกๆ ไม่ให้กระทำเช่นนั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีแต่จะสร้างความเสียหายให้แก่ลูกของเราอย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาเด็กชอบโชว์อวัยวะเกิดจากสาเหตุ ดังนี้
1.ปัญหาครอบครัว เป็นสาเหตุที่ไม่ว่าอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กที่ขาดความรัก ขาดความอบอุ่น ขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี ขาดการดูแลเอาใจใส่มักจะทำสิ่งไม่ดีได้ง่าย เด็กบางคนคิดว่าพ่อแม่ไม่รักไม่สนใจแม้ตนเองจะทำตัวดีแค่ไหนก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของพ่อแม่ จึงหันมาเรียกร้องความสนใจด้วยการทำไม่ดีแทนเพราะคิดว่าเมื่อทำดีแล้วไม่ได้ดี ก็ทำไม่ดีเสียเลยดูซิว่าจะหันมาสนใจเขาหรือไม่
2.พ่อแม่ส่งเสริม แปลกที่ว่าพ่อแม่หลายคนไม่เห็นว่าการชอบโชว์อวัยวะของลูกเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะเคยเห็นพ่อแม่บางคนเดินมากับลูกสาววัยรุ่นที่สวมใส่เสื้อบางเฉียบ เว้าหน้าเว้าหลัง กางเกงสั้นกุดจนจะเหมือนชุดว่ายน้ำ ดูเหมือนไม่น่าจะพาออกจากบ้านมาในที่สาธารณะได้ ก็ทำให้หลายคนต้องนึกสงสัยว่าไม่หวงเนื้อตัวร่างกายของลูกบ้างเลยหรือ
3.ค่านิยมในสังคม ปัจจุบันคำว่า “ไม่เห็นเป็นอะไร” คงเป็นคำที่ติดปากของคนเราไปแล้ว เพราะมักจะบอกว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่เห็นเป็นอะไร นอกจากนี้ เรามองกันว่าสังคมเราเปิดกว้างเหมือนสังคมตะวันตก ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพที่จะทำอะไรก็ได้ทั้งสิ้น ใครก็ไม่มีสิทธิมาห้ามได้ ดังนั้น จึงเป็นว่าใครจะใช้สิทธิเสรีภาพกันเต็มที่ตามแต่อยากจะทำแค่ไหนก็ย่อมได้และไม่มีใครกล้ามาข้องเกี่ยวหรือห้ามปรามเพราะกลัวจะโดนหาว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็หัดอยู่เฉยๆเสีย นอกจากนี้ ค่านิยมเห็นว่าการเปิดนั่นเปิดนี่เป็นเรื่องปกติไม่ได้คิดว่าเป็นของลับหรือของสงวนที่ต้องปกปิด แต่เป็นของที่สามารถอวดกันได้ว่าของใครเจ๋งกว่าของใคร จึงทำให้เด็กๆ ไม่อายกันแล้วที่จะโชว์อวัยวะของตนเองให้ผู้อื่นได้เห็น
4.ไม่โชว์ก็เชย สมัยนี้ใครแต่งตัวมิดชิด เสื้อแขนยาว ตัวโคร่ง กระโปรงยาวถึงตาตุ่ม กางเกงไม่ฟิตเปรี๊ยะ จะถูกตั้งฉายาให้เป็นลุงเป็นป้า เป็นตาเชยยายเชยไปโดยปริยาย เด็กๆ หลายคนกลัวเพื่อนล้อว่าเป็นน้องโบ(ราณ) จึงต้องใส่ตามอย่างคนอื่นเขา พอใส่แล้วเป็นที่ยอมรับของเพื่อนก็ติดใจ รู้สึกมั่นใจในตัวเอง คราวนี้ก็คิดเองเลยว่าจะสั้น จะบาง จะรัด จะกุดหรือจะเปิดตรงไหนให้ถูกใจเพื่อนๆ ดี และถ้ายิ่งไปไหนมาไหนแล้วมีสายตาคนมองตามก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจเข้าไปอีก
5.อบายมุข ทั้งสุราและยาเสพติดเป็นสิ่งที่นำพาให้เราทำสิ่งที่ไม่สมควรได้มากมายหลายอย่าง เด็กบางคนสารภาพว่าดื่มเหล้ากินยาจนเคลิ้มหรือไม่ได้สติ ได้ยินคนยั่วยุให้ถอดเสื้อถอดผ้าโชว์นั่นโชว์นี่ก็ทำได้ เพราะขณะเมานั้นไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ รู้แต่ว่ามันคึกคักคึกคะนองเหลือเกินจนต้องทำตามนั้น
6.อยากเป็นเหมือนดารา อาชีพดาราเป็นสิ่งที่วัยรุ่นหลายคนใฝ่ฝัน เพราะหมายถึงความมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก เป็นจุดสนใจ มีคนมากมายชื่นชอบและชื่นชม ดังนั้น เด็กๆ หลายคนจึงทำตัวเลียนแบบดาราทั้งการกระทำและการแสดงออก เมื่อเห็นละครหรือภาพยนตร์ที่ดาราแสดงไปตามบทบาท เด็กๆ ก็จะสวมบทบาทตัวละครนั้นตามไปด้วย บทไหนเป็นบทเซ็กซี่ก็เซ็กซี่ด้วย บทไหนต้องโชว์นั่นโชว์นี่ก็โชว์ด้วย จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่วัยรุ่นมักทำตามโดยไม่ได้แยกแยะความเป็นจริงกับสิ่งที่เห็นตามบทบาทของการแสดง
วิธีแก้ปัญหาหากลูกเป็นเด็กชอบโชว์
1.สอนลูกให้รักดี ความรักดีเกิดจากการปลูกฝังของพ่อแม่และบุคคลใกล้ชิด เช่น คุณครู การสอนให้ลูกรักดี คือ สอนให้เขารักในการคิดในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่ดี ที่เป็นประโยชน์ที่จะสร้างให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทั้งแก่ตนเอง ครอบครัวและสังคม สิ่งใดที่จะทำให้ตกต่ำ เสื่อมถอย ไร้สาระหรือมีแต่จะสร้างความเสียหาย ให้รู้จักหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกรู้จักรักและเห็นคุณค่าในตัวเองด้วย อย่าลืมว่าเมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ เมื่อมีคนชื่นชมก็ต้องมีคนดูถูก เมื่อไม่อยากให้ใครคิดไม่ดีกับเรา เราก็ต้องทำตัวเองไม่ให้เขาว่าเราได้? แม้เด็กสมัยนี้จะสอนยากเพราะเขามีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีอะไรเกินกำลังของคนเป็นพ่อแม่หรือคุณครูไปได้ ทางที่ดีที่สุดที่จะสอนให้ลูกรักดีคือหาตัวอย่างให้ลูกดู เพราะเด็กวัยรุ่นถ้าไม่ได้เห็นกับตามักจะไม่เชื่อ เช่นหาข่าวเกี่ยวกับเด็กชอบโชว์อวัยวะซึ่งมีบทวิจารณ์หรือการแสดงความคิดเห็นของคนในสังคมให้ลูกได้อ่าน เมื่อเขาอ่านเขาจะได้รับรู้ว่าหากเขาทำเช่นนั้นก็จะมีแต่เสียหาย เพราะคนส่วนมากก็เห็นว่าการกระทำนั้นไม่ดี
2.สอนลูกโดยเป็นตัวอย่างที่ดี พ่อแม่คือคนที่ใกล้ชิดกับลูกที่สุด ดังนั้น พ่อแม่จึงต้องกระทำสิ่งที่ดีและเหมาะสมให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง หากไม่อยากให้ลูกเป็นคนชอบโชว์ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย รู้กาลเทศะ มีกิริยาท่าทางเป็นที่น่าชื่นชมของผู้อื่นและประพฤติตนโดยไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทย เมื่อลูกเห็นตัวอย่างที่พ่อแม่ทำและพ่อแม่คอยเอาใจใส่ลูก ลูกก็จะประพฤติดีตาม
3.สอนลูกให้คิดถึงอนาคต เด็กสมัยนี้อยู่กับปัจจุบันมากกว่าอนาคต มักไม่ค่อยคิดถึงอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ลูกรู้ว่าชีวิตของลูกต้องเติบโตต่อไป ต้องทำงาน ต้องมีครอบครัวและอาจมีลูกต้องเลี้ยงดูในภายภาคหน้า ความเสียหายที่เราสร้างในวันนี้จะมีผลต่ออนาคตไม่มากก็น้อย ยิ่งสมัยนี้หากใครทำอะไรไม่ดีที่ไหน ก็มักจะมีคนรู้คนเห็นมากมายเป็นหมื่นเป็นแสนคนและมีหลักฐานเก็บบันทึกไว้มัดตัวเราไปตลอด เป็นทั้งไฟล์ เป็นทั้งคลิป เป็นทั้งซีดี ดูกันได้หลายรอบ บางทีเดินไปไหนก็มีคนจำได้ว่าเป็นคนนั้นคนนี้ที่เคยโชว์อวัยวะที่นั่นที่นี่ ภาพเหล่านี้จึงอาจติดตัวเด็กไปตลอด จนอาจจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตต่อไปได้
4.เมื่อทำผิดต้องทำโทษ พ่อแม่บางคนกลัวการทำโทษลูกเพราะเดี๋ยวลูกไม่พอใจจะเตลิดกันไปใหญ่ แต่การทำโทษคือการสั่งสอนให้ลูกได้รู้ถึงความผิดของตนเองและได้รู้ว่าเมื่อทำสิ่งใดที่ไม่ดีไม่เหมาะสมก็จะต้องชดเชยความผิดนั้น การทำโทษไม่ควรใช้วิธีรุนแรงและพิจารณาตามลักษณะนิสัยของลูกเป็นสำคัญ บางคนอาจให้ลูกอยู่ในบริเวณจำกัด เช่น อยู่แต่ภายในบริเวณบ้านไม่ให้ออกไปข้างนอก ให้ทบทวนความผิดของตนเองและมาสารภาพความผิดนั้น บางคนอาจให้ทำงานบ้านเพิ่มมากขึ้นก็เป็นวิธีการทำโทษได้อย่างหนึ่ง
5.หากิจกรรมที่มีประโยชน์ให้ลูกทำ หากพอมีเวลา แทนที่จะปล่อยให้ลูกทำสิ่งไร้สาระก็พาเขาออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมบ้าง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ชีวิตของผู้อื่น เช่น ไปเป็นอาสาสมัครตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ เช่น บ้านเด็กอ่อน บ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน บ้านพักคนชรา กิจกรรมเหล่านี้จะบ่มเพาะให้ลูกมีจิตใจที่ดีงาม คิดแต่ในสิ่งที่ดี ทำแต่ในสิ่งที่มีประโยชน์ และจะช่วยสอนให้ลูกรู้ว่าชีวิตไม่ได้มีแค่การสนุกไร้สาระไปวันๆ เท่านั้น
ผู้เขียนอยากให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนเข้าใจว่า แม้บางครั้งลูกเราอาจทำสิ่งใดที่ผิดพลาดไปหรือก่อความเสียหายอะไรมาก็แล้วแต่ เมื่อเรารู้ถึงความเสียหายนั้นให้เราแก้ไข ให้นึกถึงอนาคตที่สวยงามของลูก อย่าปล่อยปละละเลยเพราะเห็นไม่สำคัญหรืออย่าคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไร และที่สำคัญที่สุดมากกว่าการแก้ไขคือการป้องกันด้วยความรักและความเอาใจใส่ เชื่อว่าลูกของเราจะเป็นเด็กที่น่ารักและมีความประพฤติที่ดีงามอย่างแน่นอน