พนง.องค์การค้าฯ เฮ! บอร์ด สกสค.ไฟเขียวปรับเงินเดือนหลังไม่ได้ปรับมานานถึง 18 ปี “พนิตา” ฟุ้งปรับวิธีบริหารส่งผลให้ได้กำไร จากเดิมที่มีแต่ขาดทุน
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด สกสค.เมื่อเร็ว ๆ นี้มีมติอนุมัติเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานขององค์การค้า ของ สกสค. ทั้งหมดประมาณ 1,600 กว่าคน ซึ่งการขึ้นเงินเดือนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีนับตั้งแต่พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา รวมถึงเป็นการดำเนินการตามข้อตกลงที่ องค์การค้า ฯมีต่อสหภาพแรงงานองค์การค้าฯ ว่าหากรัฐวิสาหกิจมีการปรับเพิ่มเงินเดือน องค์การค้าฯก็จะต้องปรับเพิ่มให้กับพนักงานด้วยและที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจมีการปรับเพิ่มเงินเดือนไปแล้วถึง 3 รอบ แต่องค์การค้าฯ ก็ยังไม่เคยปรับเงินเดือนเลย เพราะที่ผ่านมาองค์การค้าฯ ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่องจนทำให้มีภาระหนี้สินประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ทำให้ไม่มีเงินไปเพิ่มเงินให้พนักงานได้
อย่างไรก็ตาม ช่วงระยะเวลาหลังองค์การค้าฯ ปรับรูปแบบการบริหารจัดการต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังวางนโยบายประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการพิมพ์หนังสือเรียน ปีการศึกษา 2556 นี้ก็ปรับรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเช่าแท่นพิมพ์ มาจัดพิมพ์หนังสือเรียน เองโดยไม่จ้างโรงพิมพ์เอกชนพิมพ์เหมือนที่ผ่านมา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปถึง 100 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังทำให้พิมพ์หนังสือเรียนได้เร็ว จนทำให้เป็นปีแรกที่สามารถพิมพ์และจัดส่งหนังสือได้ครบและทันเปิดภาคเรียน โดยไม่มีหนังสือเหลือค้างทำให้ไม่เป็นหนี้เหมือนที่ผ่านมา รวมถึงลดเปอร์เซ็นต์ส่วนลดค่าหนังสือที่ให้กับร้านค้าลง จากเดิม 31% เหลือ 25% ตามที่บอร์ดกำหนดแต่แรกทำให้มีเงินเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างอีก 6% เท่ากับว่าถ้าขายหนังสือ 1,000 ล้านบาท องค์การค้าฯ จะมีเงินเหลืออีก 60 ล้านบาท
“ตรงนี้ถือเป็นเทคนิคในการบริหารจัดการ ที่ทำให้องค์การค้าฯ มีกำไรจากขายหนังสือเรียนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 300-400 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเมื่อมีกำไรเพิ่มขึ้นก็เห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องปรับเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานทุกคนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ”นางพนิตา กล่าวและว่า ส่วนเรื่องปัญหาหนี้สินเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาการแก้ไข โดยในเดือนมิถุนายน องค์การค้าฯ จะสรุปภาพรวมผลกำไรทั้งหมดเสนอต่อที่ประชุม สกสค.เพื่อจะดูว่ามีเงินเหลือสำหรับผ่อนชำระหนี้ได้จำนวนเท่าไร
ด้าน นายสมมาตร มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯครั้งนี้ใช้ตารางเปรียบเทียบเดียวกับเงินเดือนของรัฐวิสาหกิจ เท่ากับว่าพนักงานขององค์การค้าฯทุกคน จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 21% เท่ากับว่าองค์การค้าจะต้องเพิ่มเงินเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับพนักงานทั้งหมดอีก ประมาณเดือนละ 8 ล้านบาท โดยอัตราเงินเดือนใหม่ได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด สกสค.เมื่อเร็ว ๆ นี้มีมติอนุมัติเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานขององค์การค้า ของ สกสค. ทั้งหมดประมาณ 1,600 กว่าคน ซึ่งการขึ้นเงินเดือนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีนับตั้งแต่พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา รวมถึงเป็นการดำเนินการตามข้อตกลงที่ องค์การค้า ฯมีต่อสหภาพแรงงานองค์การค้าฯ ว่าหากรัฐวิสาหกิจมีการปรับเพิ่มเงินเดือน องค์การค้าฯก็จะต้องปรับเพิ่มให้กับพนักงานด้วยและที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจมีการปรับเพิ่มเงินเดือนไปแล้วถึง 3 รอบ แต่องค์การค้าฯ ก็ยังไม่เคยปรับเงินเดือนเลย เพราะที่ผ่านมาองค์การค้าฯ ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่องจนทำให้มีภาระหนี้สินประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ทำให้ไม่มีเงินไปเพิ่มเงินให้พนักงานได้
อย่างไรก็ตาม ช่วงระยะเวลาหลังองค์การค้าฯ ปรับรูปแบบการบริหารจัดการต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังวางนโยบายประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการพิมพ์หนังสือเรียน ปีการศึกษา 2556 นี้ก็ปรับรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเช่าแท่นพิมพ์ มาจัดพิมพ์หนังสือเรียน เองโดยไม่จ้างโรงพิมพ์เอกชนพิมพ์เหมือนที่ผ่านมา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปถึง 100 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังทำให้พิมพ์หนังสือเรียนได้เร็ว จนทำให้เป็นปีแรกที่สามารถพิมพ์และจัดส่งหนังสือได้ครบและทันเปิดภาคเรียน โดยไม่มีหนังสือเหลือค้างทำให้ไม่เป็นหนี้เหมือนที่ผ่านมา รวมถึงลดเปอร์เซ็นต์ส่วนลดค่าหนังสือที่ให้กับร้านค้าลง จากเดิม 31% เหลือ 25% ตามที่บอร์ดกำหนดแต่แรกทำให้มีเงินเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างอีก 6% เท่ากับว่าถ้าขายหนังสือ 1,000 ล้านบาท องค์การค้าฯ จะมีเงินเหลืออีก 60 ล้านบาท
“ตรงนี้ถือเป็นเทคนิคในการบริหารจัดการ ที่ทำให้องค์การค้าฯ มีกำไรจากขายหนังสือเรียนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 300-400 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเมื่อมีกำไรเพิ่มขึ้นก็เห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องปรับเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานทุกคนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ”นางพนิตา กล่าวและว่า ส่วนเรื่องปัญหาหนี้สินเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาการแก้ไข โดยในเดือนมิถุนายน องค์การค้าฯ จะสรุปภาพรวมผลกำไรทั้งหมดเสนอต่อที่ประชุม สกสค.เพื่อจะดูว่ามีเงินเหลือสำหรับผ่อนชำระหนี้ได้จำนวนเท่าไร
ด้าน นายสมมาตร มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯครั้งนี้ใช้ตารางเปรียบเทียบเดียวกับเงินเดือนของรัฐวิสาหกิจ เท่ากับว่าพนักงานขององค์การค้าฯทุกคน จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 21% เท่ากับว่าองค์การค้าจะต้องเพิ่มเงินเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับพนักงานทั้งหมดอีก ประมาณเดือนละ 8 ล้านบาท โดยอัตราเงินเดือนใหม่ได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา