ซ้ำรอย! ศธ.เตรียมทำหนังสือขอความร่วมมือทุกหน่วยงานที่มีสถานศึกษา สอนเด็กให้ช่วยเหลือตัวเองหากติดในรถอย่างน้อยละสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หลังล่าสุดเกิดเหตุสลด “น้องพอตเตอร์” ติดในรถซ้ำรอย “น้องเอย” นานกว่า 7 ชม.จนเสียชีวิต ปลัด ศธ.เผย “พงศ์เทพ” สั่งทุกหน่วยงานให้กำชับ ร.ร.ผู้บริหารเข้มงวดความปลอดภัยของ นร.ขณะที่ สช.สั่งตั้งกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว “บัณฑิตย์” โอด! ทำหนังสือย้ำพร้อมแนะมาตรการไปถึง 2 ครั้งแต่ก็ยังเกิดเหตุคาด ร.ร.ยังไม่ได้เริ่มทำ
วันนี้ (15 พ.ค.) นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณี ด.ช.สุริยการ พากัน หรือน้องพอตเตอร์ อายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนอุทุมพรวิทยา จ.ศรีสะเกษ ได้เสียชีวิต เนื่องจากถูกขังอยู่ในรถปิกอัพรับ-ส่งนักเรียนเป็นเวลานานกว่า 7 ชั่วโมง ว่า ในที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ได้กำชับให้หน่วยงานที่มีสถานศึกษาหรือศูนย์เด็กเล็กในสังกัดทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ให้กำชับไปยังผู้บริหารโรงเรียนและครูให้เข้มงวดในการดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยของนักเรียน โดยเฉพาะกรณีเด็กเสียชีวิตบนรถรับส่งนักเรียนที่ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยตนจะขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหนังสือกำชับไปยังสถานศึกษาและขอให้มีการสอนวิธีการช่วยเหลือนักเรียนหากติดอยู่ในรถเพื่อช่วยเหลือตนเองให้กับเด็กเล็ก เช่น การเปิดประตู การบีบแตร เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยจะขอความร่วมมือให้สอนเรื่องดังกล่าวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อให้เด็กเกิดความชำนาญและความเคยชิน สามารถช่วยตนเองได้หากเกิดเหตุ
ด้าน นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์กรณี ด.ญ.มนัสนันท์ ทองภู่ หรือ “น้องเอย” วัย 3 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ที่ถูกลืมไว้ในรถตู้รับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียนนานกว่า 4 ชั่วโมงและเข้ารักษาตัวจนเสียชีวิตในที่สุดนั้น ตั้งแต่เกิดเหตุ สช.ก็ได้ทำหนังสือกำชับไปยังสถานศึกษาให้ระมัดระวัง ตรวจตราทุกครั้งในการรับส่งนักเรียน ให้มีการนำพานักเรียนไปส่งถึงห้องเรียนกับครูประจำชั้นทุกคน และทำบันทึกเก็บข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร และให้สอนการดูแลช่วยเหลือตนเองหากติดอยู่ในรถ ซึ่งแม้กระทั่งก่อนเปิดภาคเรียนก็ได้ทำหนังสือย้ำเป็นครั้งที่ 2 แต่ยังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก คาดว่าจากที่ทำหนังสือไปโรงเรียนยังไม่ได้ซักซ้อม
เบื้องต้นรับรายงานว่ารถรับส่งดังกล่าวเป็นรถกระบะต่อเติมหลังคาและมีที่นั่ง โดยวันเกิดเหตุเด็กซึ่งทราบว่าเป็นญาติห่างกับคนขับได้นั่งบริเวณแคบด้านหลังคนขับและเกิดหลับจนเมื่อถึงโรงเรียนเด็กลงหมดจากกระบะหลัง เหลือเพียงเด็กคนดังกล่าวคนเดียวและคนขับก็ไม่ทันได้ดู มาพบอีกทีตอนเวลาประมาณ 15.00 น.ก็เสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าคนขับเป็นครูผู้สอนในโรงเรียนดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วส่วน การลงโทษผู้บริหารสถานศึกษา หรือครูที่เกี่ยวข้องในส่วนของ ศธ.นั้นคงทำได้ตามลำดับ ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน โดยพิจารณาตามความผิดแต่ในกรณีลักษณะนี้ก็จะมีโทษทางกฎหมาย คือ โทษอาญา
วันนี้ (15 พ.ค.) นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณี ด.ช.สุริยการ พากัน หรือน้องพอตเตอร์ อายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนอุทุมพรวิทยา จ.ศรีสะเกษ ได้เสียชีวิต เนื่องจากถูกขังอยู่ในรถปิกอัพรับ-ส่งนักเรียนเป็นเวลานานกว่า 7 ชั่วโมง ว่า ในที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ได้กำชับให้หน่วยงานที่มีสถานศึกษาหรือศูนย์เด็กเล็กในสังกัดทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ให้กำชับไปยังผู้บริหารโรงเรียนและครูให้เข้มงวดในการดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยของนักเรียน โดยเฉพาะกรณีเด็กเสียชีวิตบนรถรับส่งนักเรียนที่ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยตนจะขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหนังสือกำชับไปยังสถานศึกษาและขอให้มีการสอนวิธีการช่วยเหลือนักเรียนหากติดอยู่ในรถเพื่อช่วยเหลือตนเองให้กับเด็กเล็ก เช่น การเปิดประตู การบีบแตร เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยจะขอความร่วมมือให้สอนเรื่องดังกล่าวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อให้เด็กเกิดความชำนาญและความเคยชิน สามารถช่วยตนเองได้หากเกิดเหตุ
ด้าน นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์กรณี ด.ญ.มนัสนันท์ ทองภู่ หรือ “น้องเอย” วัย 3 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ที่ถูกลืมไว้ในรถตู้รับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียนนานกว่า 4 ชั่วโมงและเข้ารักษาตัวจนเสียชีวิตในที่สุดนั้น ตั้งแต่เกิดเหตุ สช.ก็ได้ทำหนังสือกำชับไปยังสถานศึกษาให้ระมัดระวัง ตรวจตราทุกครั้งในการรับส่งนักเรียน ให้มีการนำพานักเรียนไปส่งถึงห้องเรียนกับครูประจำชั้นทุกคน และทำบันทึกเก็บข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร และให้สอนการดูแลช่วยเหลือตนเองหากติดอยู่ในรถ ซึ่งแม้กระทั่งก่อนเปิดภาคเรียนก็ได้ทำหนังสือย้ำเป็นครั้งที่ 2 แต่ยังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก คาดว่าจากที่ทำหนังสือไปโรงเรียนยังไม่ได้ซักซ้อม
เบื้องต้นรับรายงานว่ารถรับส่งดังกล่าวเป็นรถกระบะต่อเติมหลังคาและมีที่นั่ง โดยวันเกิดเหตุเด็กซึ่งทราบว่าเป็นญาติห่างกับคนขับได้นั่งบริเวณแคบด้านหลังคนขับและเกิดหลับจนเมื่อถึงโรงเรียนเด็กลงหมดจากกระบะหลัง เหลือเพียงเด็กคนดังกล่าวคนเดียวและคนขับก็ไม่ทันได้ดู มาพบอีกทีตอนเวลาประมาณ 15.00 น.ก็เสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าคนขับเป็นครูผู้สอนในโรงเรียนดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วส่วน การลงโทษผู้บริหารสถานศึกษา หรือครูที่เกี่ยวข้องในส่วนของ ศธ.นั้นคงทำได้ตามลำดับ ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน โดยพิจารณาตามความผิดแต่ในกรณีลักษณะนี้ก็จะมีโทษทางกฎหมาย คือ โทษอาญา