สธ.เร่งพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ รพ.สต.และ ศสม. เพิ่มหมอที่ปรึกษาสุขภาพครอบครัวอีก 3,500 คน หวังใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น มั่นใจขยายครบ 12 เขตบริการใน พ.ค.นี้
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้านโยบาย 1 หมอที่ปรึกษา 1 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง (ศสม.) ว่า ในปี 2556 นี้ เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องในระยะที่ 2 สธ.ได้เร่งพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ของ รพ.สต. 9,750 แห่ง และ ศสม.1,000 แห่ง โดยมีนักจัดการสุขภาพครอบครัว ประกอบด้วย นักวิชาการสาธารณสุข พยาบาลวิชาชีพ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข เจ้าพนักงานเภสัชกรรม เจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทย จำนวน 44,000 คน นักสุขภาพครอบครัวแต่ละคนจะดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดคนละ 1,250 คน หรือเฉลี่ยคนละ 300 ครัวเรือน มีแพทย์เป็นที่ปรึกษานักสุขภาพครอบครัวอีกชั้นหนึ่งจำนวน 3,500 คน และมีนายแพทย์เชี่ยวชาญทุกสาขาอีก 10,000 คน เป็นเครือข่ายรับคำปรึกษาจากนายแพทย์ที่ปรึกษา
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า นโยบาย 1 หมอที่ปรึกษา 1 รพ.สต. ศสม. เป็นระบบที่สลายความเป็นราชการมาเป็นแบบเครือญาติ มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพ ซึ่งประเทศอังกฤษดำเนินการและประสบผลสำเร็จมาแล้ว ประชาชนทุกคนมีหมอเป็นที่พึ่งเบื้องต้นเมื่อมีปัญหาสุขภาพ เข้าถึงบริการที่เป็นธรรม ผู้ด้อยโอกาสทุกคนไม่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีช่องว่างคนจนคนรวย ช่วยบรรเทาหรือป้องกันความรุนแรงโรคได้อย่างดีคาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายสุขภาพให้ผู้ป่วยได้ปีละกว่า 275,925 ล้านบาท
ด้าน นพ.นิทัศน์ รายยวา รองปลัด สธ. กล่าวว่า การดำเนินงานในระยะที่ 1 ปี 2555 มีแพทย์อาสาเข้ามาเป็นแพทย์สู่ระบบนี้แล้ว 1,000 คน มีนักสุขภาพครอบครัว 33,000 คน จากการติดตามประเมินผลการทำงานพบว่า ผลการติดตามพบว่าร้อยละ 50 สามารถประสานงานกันได้อย่างดี ประชาชนได้รับการดูแลและรู้จักสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น บรรยากาศอบอุ่น ประชาชนพอใจมาก ทั้งนี้ เวลาที่เหลืออีก 5 เดือน จะเร่งดำเนินการโดยขยายโครงการให้ครบ 12 เขตบริการ โดยประชุมชี้แจงที่จังหวัดในแต่ละเขตให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้ และเมื่อดำเนินการสมบูรณ์แบบครบทุกเขตทุกจังหวัดภายในเดือน ก.ย. 2556 จะลดจำนวนผู้ป่วยเรื้อรังไปรับบริการที่โรงพยาบาลใหญ่ลงได้มาก และผู้ป่วยที่จะไปโรงพยาบาลคือผู้ป่วยที่แพทย์นัดล่วงหน้าไว้แล้ว แพทย์สามารถวางแผนรักษาอย่างทันท่วงที โดยจะสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์พกพาสำหรับบันทึกประวัติสุขภาพประชาชน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้านโยบาย 1 หมอที่ปรึกษา 1 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง (ศสม.) ว่า ในปี 2556 นี้ เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องในระยะที่ 2 สธ.ได้เร่งพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ของ รพ.สต. 9,750 แห่ง และ ศสม.1,000 แห่ง โดยมีนักจัดการสุขภาพครอบครัว ประกอบด้วย นักวิชาการสาธารณสุข พยาบาลวิชาชีพ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข เจ้าพนักงานเภสัชกรรม เจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทย จำนวน 44,000 คน นักสุขภาพครอบครัวแต่ละคนจะดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดคนละ 1,250 คน หรือเฉลี่ยคนละ 300 ครัวเรือน มีแพทย์เป็นที่ปรึกษานักสุขภาพครอบครัวอีกชั้นหนึ่งจำนวน 3,500 คน และมีนายแพทย์เชี่ยวชาญทุกสาขาอีก 10,000 คน เป็นเครือข่ายรับคำปรึกษาจากนายแพทย์ที่ปรึกษา
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า นโยบาย 1 หมอที่ปรึกษา 1 รพ.สต. ศสม. เป็นระบบที่สลายความเป็นราชการมาเป็นแบบเครือญาติ มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพ ซึ่งประเทศอังกฤษดำเนินการและประสบผลสำเร็จมาแล้ว ประชาชนทุกคนมีหมอเป็นที่พึ่งเบื้องต้นเมื่อมีปัญหาสุขภาพ เข้าถึงบริการที่เป็นธรรม ผู้ด้อยโอกาสทุกคนไม่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีช่องว่างคนจนคนรวย ช่วยบรรเทาหรือป้องกันความรุนแรงโรคได้อย่างดีคาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายสุขภาพให้ผู้ป่วยได้ปีละกว่า 275,925 ล้านบาท
ด้าน นพ.นิทัศน์ รายยวา รองปลัด สธ. กล่าวว่า การดำเนินงานในระยะที่ 1 ปี 2555 มีแพทย์อาสาเข้ามาเป็นแพทย์สู่ระบบนี้แล้ว 1,000 คน มีนักสุขภาพครอบครัว 33,000 คน จากการติดตามประเมินผลการทำงานพบว่า ผลการติดตามพบว่าร้อยละ 50 สามารถประสานงานกันได้อย่างดี ประชาชนได้รับการดูแลและรู้จักสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น บรรยากาศอบอุ่น ประชาชนพอใจมาก ทั้งนี้ เวลาที่เหลืออีก 5 เดือน จะเร่งดำเนินการโดยขยายโครงการให้ครบ 12 เขตบริการ โดยประชุมชี้แจงที่จังหวัดในแต่ละเขตให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้ และเมื่อดำเนินการสมบูรณ์แบบครบทุกเขตทุกจังหวัดภายในเดือน ก.ย. 2556 จะลดจำนวนผู้ป่วยเรื้อรังไปรับบริการที่โรงพยาบาลใหญ่ลงได้มาก และผู้ป่วยที่จะไปโรงพยาบาลคือผู้ป่วยที่แพทย์นัดล่วงหน้าไว้แล้ว แพทย์สามารถวางแผนรักษาอย่างทันท่วงที โดยจะสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์พกพาสำหรับบันทึกประวัติสุขภาพประชาชน