อนุฯธรรมาภิบาล จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ใช้หลักธรรมาภิบาล 10 ด้านของ กพร.บริหารงานหลักประกันสุขภาพฯ หวัง ปชช.เชื่อมั่น เหตุคนมีส่วนได้เสียจำนวนมาก ต้องยึดถือผลประโยชน์ประชาชนสูงสุด
ศ.ดร.สุนีย์ มัลลิกะมาลย์ ประธานคณะอนุกรรมการธรรมาภิบาล ภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการธรรมาภิบาลได้จัดทำแผนและยุทธศาสตร์การดำเนินงาน 5 ปี (2555-2559) โดยตั้งเป้าหมายว่าให้มีการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เป็นแบบอย่างและได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ยึดหลักธรรมาภิบาล 10 ด้านของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) คือ ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วม ความโปร่งใส การตอบสนอง สำนึกรับผิดชอบ นิติธรรม การกระจายอำนาจ ความเสมอภาค และการมุ่งเน้นฉันทมติ
ศ.ดร.สุนีย์กล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน 4 ข้อ คือ 1. กำหนดประมวลจริยธรรมและติดตามให้เกิดผลในทางปฏิบัติ 2. สร้างและพัฒนาเกณฑ์ชี้วัด ระบบการตรวจสอบ กำกับติดตาม และประเมินผลจากหลักธรรมาภิบาล เพื่ออภิบาลระบบหลักประกันสุขภาพให้มีความยั่งยืน 3. ส่งเสริมให้มีการสร้างจิตสำนึกและคุณค่าด้านธรรมาภิบาลแก่ผู้เกี่ยวข้องและนำไปปฏิบัติ และ 4. จรรโลงระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ยั่งยืนด้วยหลักธรรมาภิบาล เช่น การยกย่องบุคคลและหน่วยงานดีเด่นในด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างโปร่งใส
“การดำเนินงานระบบหลักประกันฯ มีผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก ตั้งแต่ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ ผู้กำหนดนโยบาย กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลทั่วประเทศ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข สถานีอนามัย สปสช. และบอร์ดสปสช.ที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงาน การมีระบบธรรมาภิบาลที่ดีจะทำให้การบริหารงานหลักประกันฯ เป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ยึดถือประโยชน์ของประชาชนสูงสุด และปลอดจากการแทรกแซงของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ของการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาคกัน” ศ.ดร.สุนีย์กล่าว
ศ.ดร.สุนีย์ มัลลิกะมาลย์ ประธานคณะอนุกรรมการธรรมาภิบาล ภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการธรรมาภิบาลได้จัดทำแผนและยุทธศาสตร์การดำเนินงาน 5 ปี (2555-2559) โดยตั้งเป้าหมายว่าให้มีการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เป็นแบบอย่างและได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ยึดหลักธรรมาภิบาล 10 ด้านของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) คือ ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วม ความโปร่งใส การตอบสนอง สำนึกรับผิดชอบ นิติธรรม การกระจายอำนาจ ความเสมอภาค และการมุ่งเน้นฉันทมติ
ศ.ดร.สุนีย์กล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน 4 ข้อ คือ 1. กำหนดประมวลจริยธรรมและติดตามให้เกิดผลในทางปฏิบัติ 2. สร้างและพัฒนาเกณฑ์ชี้วัด ระบบการตรวจสอบ กำกับติดตาม และประเมินผลจากหลักธรรมาภิบาล เพื่ออภิบาลระบบหลักประกันสุขภาพให้มีความยั่งยืน 3. ส่งเสริมให้มีการสร้างจิตสำนึกและคุณค่าด้านธรรมาภิบาลแก่ผู้เกี่ยวข้องและนำไปปฏิบัติ และ 4. จรรโลงระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ยั่งยืนด้วยหลักธรรมาภิบาล เช่น การยกย่องบุคคลและหน่วยงานดีเด่นในด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างโปร่งใส
“การดำเนินงานระบบหลักประกันฯ มีผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก ตั้งแต่ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ ผู้กำหนดนโยบาย กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลทั่วประเทศ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข สถานีอนามัย สปสช. และบอร์ดสปสช.ที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงาน การมีระบบธรรมาภิบาลที่ดีจะทำให้การบริหารงานหลักประกันฯ เป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ยึดถือประโยชน์ของประชาชนสูงสุด และปลอดจากการแทรกแซงของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ของการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาคกัน” ศ.ดร.สุนีย์กล่าว
