สำนักอนามัย เตือนโรงงานเสี่ยงจัดเก็บสารเคมีไวไฟให้เป็นระเบียบ ห่างอุปกรณ์ไฟฟ้า และตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าสม่ำเสมอให้มีสภาพปลอดภัย เพื่อป้องกันอัคคีภัยที่อาจลุกลามขยายวงกว้าง สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชน
พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ตามนโยบาย กทม.ที่เป็นห่วงสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนในเรื่องอัคคีภัย สำนักอนามัยได้สำรวจสถานประกอบการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่ามีสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติภัยสารเคมี จำนวน 4,750 แห่ง ซึ่งสถานประกอบการเหล่านี้มีการใช้วัตถุดิบสารเคมี ที่มีความไวไฟสูง เช่น สารตัวทำละลาย สี ทินเนอร์ ก๊าซ น้ำมัน หากขาดความระมัดระวังหรือประมาทในการใช้งาน เก็บไม่ถูกต้องตามมาตรฐานการจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายจะเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยสูง โดยเฉพาะในช่วงสภาพอากาศร้อน
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จึงขอความร่วมมือสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. 2552 เช่น โรงงานผลิตพลาสติกและโฟม โรงงานทำเครื่องเรือน โรงงานแปรรูปไม้ โรงงานผลิตเส้นใย ทอผ้า ย้อมผ้า และตัดเย็บเสื้อผ้า โรงงานผลิตแป้งจากพืช โรงงานผลิตสี ทินเนอร์ โรงงานผลิตยางเรซิ่นสังเคราะห์และเส้นใยสังเคราะห์ โรงงานผลิตกระดาษและภาชนะบรรจุจากกระดาษ ควรมีมาตรการและเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัย ด้วยการจัดเก็บวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ภายในบริเวณโรงงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและทำความสะอาดสิ่งสกปรกรกรุงรังอย่างสม่ำเสมอ การเก็บวัตถุไวไฟ เช่น กาว ทินเนอร์ ควรเก็บไว้เป็นสัดส่วนต่างหาก โดยห้องเก็บจะต้องมีการระบายอากาศที่เพียงพอ ภายในห้องต้องไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟได้ เช่น สตาร์ทเตอร์ บัลลาสต์ เต้าเสียบ สวิตช์ และนอกจากนี้ควรหมั่นตรวจสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในโรงงานอย่างสม่ำเสมอให้มีสภาพใช้งานที่ปลอดภัย หากชำรุดควรเปลี่ยนใหม่ จัดให้มีถังดับเพลิงเคมีสภาพพร้อมใช้งาน และตั้งอยู่ในจุดที่หยิบใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว พร้อมทั้งติดตั้งสัญญาณระบบเตือนภัย และจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยของสถานประกอบการอย่างสม่ำเสมอ
พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ตามนโยบาย กทม.ที่เป็นห่วงสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนในเรื่องอัคคีภัย สำนักอนามัยได้สำรวจสถานประกอบการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่ามีสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติภัยสารเคมี จำนวน 4,750 แห่ง ซึ่งสถานประกอบการเหล่านี้มีการใช้วัตถุดิบสารเคมี ที่มีความไวไฟสูง เช่น สารตัวทำละลาย สี ทินเนอร์ ก๊าซ น้ำมัน หากขาดความระมัดระวังหรือประมาทในการใช้งาน เก็บไม่ถูกต้องตามมาตรฐานการจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายจะเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยสูง โดยเฉพาะในช่วงสภาพอากาศร้อน
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จึงขอความร่วมมือสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. 2552 เช่น โรงงานผลิตพลาสติกและโฟม โรงงานทำเครื่องเรือน โรงงานแปรรูปไม้ โรงงานผลิตเส้นใย ทอผ้า ย้อมผ้า และตัดเย็บเสื้อผ้า โรงงานผลิตแป้งจากพืช โรงงานผลิตสี ทินเนอร์ โรงงานผลิตยางเรซิ่นสังเคราะห์และเส้นใยสังเคราะห์ โรงงานผลิตกระดาษและภาชนะบรรจุจากกระดาษ ควรมีมาตรการและเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัย ด้วยการจัดเก็บวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ภายในบริเวณโรงงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและทำความสะอาดสิ่งสกปรกรกรุงรังอย่างสม่ำเสมอ การเก็บวัตถุไวไฟ เช่น กาว ทินเนอร์ ควรเก็บไว้เป็นสัดส่วนต่างหาก โดยห้องเก็บจะต้องมีการระบายอากาศที่เพียงพอ ภายในห้องต้องไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟได้ เช่น สตาร์ทเตอร์ บัลลาสต์ เต้าเสียบ สวิตช์ และนอกจากนี้ควรหมั่นตรวจสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในโรงงานอย่างสม่ำเสมอให้มีสภาพใช้งานที่ปลอดภัย หากชำรุดควรเปลี่ยนใหม่ จัดให้มีถังดับเพลิงเคมีสภาพพร้อมใช้งาน และตั้งอยู่ในจุดที่หยิบใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว พร้อมทั้งติดตั้งสัญญาณระบบเตือนภัย และจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยของสถานประกอบการอย่างสม่ำเสมอ
