พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานวิสุงคามสีมา 252 วัดทั่วประเทศ “สมเด็จวัดปากน้ำ” เผยวัดที่ได้วิสุงคามสีมาเป็นวัดที่มีความพร้อมทุกด้าน แนะเจ้าอาวาสวัดทำวัดให้สง่า ร่มรื่น ไม่ต้องสร้างตึกสวยใหญ่โต กตัญญูต่อแผ่นดินถวายเป็นพระราชกุศล
วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งมีวัดที่ได้รับพระราชทานประจำปี 2556 จำนวน 252 แห่ง โดยมีคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ผู้บริหาร พศ.และประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวสัมโมทนียกถาว่า ทุกวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงว่าวัดนั้นมีความพร้อมทุกด้าน สามารถทำสังฆกรรมได้ทุกอย่าง อาทิ อุปสมบท รับกฐิน กิจกรรมของประชาชน เรื่องวิสุงคามสีมานี้ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภ์พระพุทธศาสนา การที่วัดได้พระราชทานวิสุงคามสีมาแสดงว่าทรงพระราชทานพื้นที่วัดแห่งนี้ให้เป็นที่ของศาสนา เป็นที่ของพระสงฆ์ ใครจะเอาไปไหนไม่ได้ เราต้องรู้สำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ดังนั้น ท่านเจ้าอาวาสทั้งหลายจงตั้งใจตอบสนองพระมหากรุณาธิคุณ จงตั้งใจทำคุณงามความดีเพื่อสนองพระราชศรัทธา มีความกตัญญูต่อแผ่นดิน โดยสร้างวัดให้สง่า ให้ร่มรื่น ปลูกต้นไม้ เป็นที่ศรัทธาของประชาชน และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“การทำวัดให้สง่า ร่มรื่น ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรมาก ไม่ต้องสร้างตึกสวยๆ ใหญ่โต แต่ควรดูแลเสนาสนะ ศาลาการเปรียญดูงามสะอาดตา ต้องขยันกวาดวัด ถูวัด เป็นแบบอย่างให้พระลูกวัดช่วยกันทำวัดให้สะอาด รวมไปถึงร่วมกันปลูกต้นไม้ให้เต็มพื้นที่ให้ร่มรื่น น่าอยู่ เพื่อเป็นการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าว
ด้าน นายนพรัตน์ กล่าวว่า พิธีมอบประกาศดังกล่าวจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2545 โดยวัดที่จะได้พิจารณารับพระราชทานวิสุงคามสีมาต้องเป็นวัดที่มีความมั่นคงถาวร เจ้าอาวาสจะต้องเป็นผู้มีศักยภาพในการบูรณปฏิสังขรณ์ และพัฒนาวัดให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎกระทรวงฉบับที่ 1 (พ.ศ.2507) ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ข้อ 11 ซึ่งระบุว่า วัดที่สมควรได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ต้องสร้างหรือได้ปฏิสังขรณ์เป็นหลักฐานถาวรและมีพระภิกษุอยู่ประจำไม่น้อยกว่า 5 รูป ติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ระยะเวลา 5 ปี มิให้ใช้บังคับแก่วัดที่สร้างอุโบสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งมีวัดที่ได้รับพระราชทานประจำปี 2556 จำนวน 252 แห่ง โดยมีคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ผู้บริหาร พศ.และประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวสัมโมทนียกถาว่า ทุกวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงว่าวัดนั้นมีความพร้อมทุกด้าน สามารถทำสังฆกรรมได้ทุกอย่าง อาทิ อุปสมบท รับกฐิน กิจกรรมของประชาชน เรื่องวิสุงคามสีมานี้ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภ์พระพุทธศาสนา การที่วัดได้พระราชทานวิสุงคามสีมาแสดงว่าทรงพระราชทานพื้นที่วัดแห่งนี้ให้เป็นที่ของศาสนา เป็นที่ของพระสงฆ์ ใครจะเอาไปไหนไม่ได้ เราต้องรู้สำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ดังนั้น ท่านเจ้าอาวาสทั้งหลายจงตั้งใจตอบสนองพระมหากรุณาธิคุณ จงตั้งใจทำคุณงามความดีเพื่อสนองพระราชศรัทธา มีความกตัญญูต่อแผ่นดิน โดยสร้างวัดให้สง่า ให้ร่มรื่น ปลูกต้นไม้ เป็นที่ศรัทธาของประชาชน และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“การทำวัดให้สง่า ร่มรื่น ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรมาก ไม่ต้องสร้างตึกสวยๆ ใหญ่โต แต่ควรดูแลเสนาสนะ ศาลาการเปรียญดูงามสะอาดตา ต้องขยันกวาดวัด ถูวัด เป็นแบบอย่างให้พระลูกวัดช่วยกันทำวัดให้สะอาด รวมไปถึงร่วมกันปลูกต้นไม้ให้เต็มพื้นที่ให้ร่มรื่น น่าอยู่ เพื่อเป็นการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าว
ด้าน นายนพรัตน์ กล่าวว่า พิธีมอบประกาศดังกล่าวจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2545 โดยวัดที่จะได้พิจารณารับพระราชทานวิสุงคามสีมาต้องเป็นวัดที่มีความมั่นคงถาวร เจ้าอาวาสจะต้องเป็นผู้มีศักยภาพในการบูรณปฏิสังขรณ์ และพัฒนาวัดให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎกระทรวงฉบับที่ 1 (พ.ศ.2507) ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ข้อ 11 ซึ่งระบุว่า วัดที่สมควรได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ต้องสร้างหรือได้ปฏิสังขรณ์เป็นหลักฐานถาวรและมีพระภิกษุอยู่ประจำไม่น้อยกว่า 5 รูป ติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ระยะเวลา 5 ปี มิให้ใช้บังคับแก่วัดที่สร้างอุโบสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว