การส่งเสริมและพัฒนาสาธารณสุขสำหรับชุมชนนั้น หนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการมีบุคลากรที่มีคุณภาพประจำในชุมชนเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือ ให้ความรู้ ตลอดกระทั่งคำแนะนำ อย่างมีประสิทธิภาพแก่คนในชุมชน บริษัท เชฟรอนประเทศไทย ร่วมกับเทศบาลเมืองปากพูน จังหวัดนครศรีธรรมราช และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในการสานต่อ “โครงการทุนการศึกษาพยาบาลเพื่อพัฒนาบ้านเกิด” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อให้การสนับสนุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาลที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ตำบลปากพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลปากพูนและพื้นที่ใกล้เคียงในระยะยาว
น.ส.ดุษชฎา เลี้ยงบุญเลิศชัย ผู้จัดการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอน กล่าวว่า โครงการทุนการศึกษาพยาบาลเพื่อพัฒนาบ้านเกิด นั้น เราสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาลที่ผ่านการคัดเลือกตั้งแต่ปีแรกกระทั่งจบการศึกษา เมื่อนักศึกษาที่ได้รับทุนเรียนจบ เขาจะเป็นกำลังสำคัญในการดูลสุขภาพและพัฒนาสาธารณสุขของคนในชุมชน โดยเรามองว่าการให้ลูกหลานดูแลคนในชุมชน เชื่อว่าจะดูแลเป็นอย่างดี เพราะคนในชุมชนล้วนแล้วแต่เป็นเครือญาติกัน
น.ส.ธารา สมชาติ “น้องอัง” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เล่าว่า ใฝ่ฝันอยากเป็นพยาบาลมาตั้งแต่เด็กๆ และยิ่งมาสอบชิงทุนของเชฟรอนได้เมื่อปี 2553 รู้สึกดีใจมากเพราะจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของทางบ้าน โดยทุนการศึกษาที่ได้รับนี้เป็นทุนค่าเทอม ค่าหอพัก รวมถึงค่าอุปกรณ์การเรียนบางส่วน ส่วนช่วงปิดเทอม เธออยากหาประสบการณ์ในวิชาชีพ จึงไปช่วยงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลใกล้บ้าน และตั้งใจว่าพอจบแล้ว จะไปทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลตลาดหัส
น.ส.อันติกา แก้วกระจ่าง “น้องส้มโอ” บัณฑิตสาววัย 23 ปี สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เล่าให้ฟังว่า ตอนจะสอบเอ็นทรานซ์ก็คิดว่าอยากเรียนคณะที่ได้ช่วยเหลือสังคม พอสอบติดพยาบาล สมกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ เพราะวิชาชีพพยาบาลได้ช่วยเหลือคนไข้ด้วย และยิ่งดีใจเพิ่มขึ้นอีกก็คือได้รับทุนเรียนด้านพยาบาลจากเชฟรอน พอเรียนจบ ก็สอบคัดเลือกได้ทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านบางปู ซึ่งใกล้บ้าน ได้มีโอกาสดูแลญาติพี่น้องในพื้นที่ตำบลปากพูน
นายเฉลิม ศรีเมือง นายกเทศมนตรีเมืองปากพูน เล่าให้ฟังว่า เทศบาลเมืองปากพูน ร่วมมือกับเชฟรอน ผมมองว่าเป็นโครงการที่ดี ลูดหลานในตำบลปากพูน ได้มีโอกาสเรียนสูง มีวิชาชีพที่มั่นคง ประการสำคัญลูกหลานที่ได้รับทุนไม่ต้องย้ายไปทำงานไกลบ้าน แถมยังเป็นที่พึ่งของคนเฒ่าคนแก่ในยามป่วยไข้
“ผมอยากให้มีโครงการดีๆ แบบนี้มาสนับสนุนเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เด็กหลายคนได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น จบแล้วมีวิชาชีพ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง และยังได้นำความรู้ความสามารถมาดูแลคนในชุมชน ถ้าหากหน่วยงานใด บริษัทไหน เสนอโครงการเข้าแล้ว เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชน ตลอดจนคนในชุมชนก็ยินดีน้อมรับ”
น.ส.ดุษชฎา เลี้ยงบุญเลิศชัย ผู้จัดการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอน กล่าวว่า โครงการทุนการศึกษาพยาบาลเพื่อพัฒนาบ้านเกิด นั้น เราสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาลที่ผ่านการคัดเลือกตั้งแต่ปีแรกกระทั่งจบการศึกษา เมื่อนักศึกษาที่ได้รับทุนเรียนจบ เขาจะเป็นกำลังสำคัญในการดูลสุขภาพและพัฒนาสาธารณสุขของคนในชุมชน โดยเรามองว่าการให้ลูกหลานดูแลคนในชุมชน เชื่อว่าจะดูแลเป็นอย่างดี เพราะคนในชุมชนล้วนแล้วแต่เป็นเครือญาติกัน
น.ส.ธารา สมชาติ “น้องอัง” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เล่าว่า ใฝ่ฝันอยากเป็นพยาบาลมาตั้งแต่เด็กๆ และยิ่งมาสอบชิงทุนของเชฟรอนได้เมื่อปี 2553 รู้สึกดีใจมากเพราะจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของทางบ้าน โดยทุนการศึกษาที่ได้รับนี้เป็นทุนค่าเทอม ค่าหอพัก รวมถึงค่าอุปกรณ์การเรียนบางส่วน ส่วนช่วงปิดเทอม เธออยากหาประสบการณ์ในวิชาชีพ จึงไปช่วยงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลใกล้บ้าน และตั้งใจว่าพอจบแล้ว จะไปทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลตลาดหัส
น.ส.อันติกา แก้วกระจ่าง “น้องส้มโอ” บัณฑิตสาววัย 23 ปี สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เล่าให้ฟังว่า ตอนจะสอบเอ็นทรานซ์ก็คิดว่าอยากเรียนคณะที่ได้ช่วยเหลือสังคม พอสอบติดพยาบาล สมกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ เพราะวิชาชีพพยาบาลได้ช่วยเหลือคนไข้ด้วย และยิ่งดีใจเพิ่มขึ้นอีกก็คือได้รับทุนเรียนด้านพยาบาลจากเชฟรอน พอเรียนจบ ก็สอบคัดเลือกได้ทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านบางปู ซึ่งใกล้บ้าน ได้มีโอกาสดูแลญาติพี่น้องในพื้นที่ตำบลปากพูน
นายเฉลิม ศรีเมือง นายกเทศมนตรีเมืองปากพูน เล่าให้ฟังว่า เทศบาลเมืองปากพูน ร่วมมือกับเชฟรอน ผมมองว่าเป็นโครงการที่ดี ลูดหลานในตำบลปากพูน ได้มีโอกาสเรียนสูง มีวิชาชีพที่มั่นคง ประการสำคัญลูกหลานที่ได้รับทุนไม่ต้องย้ายไปทำงานไกลบ้าน แถมยังเป็นที่พึ่งของคนเฒ่าคนแก่ในยามป่วยไข้
“ผมอยากให้มีโครงการดีๆ แบบนี้มาสนับสนุนเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เด็กหลายคนได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น จบแล้วมีวิชาชีพ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง และยังได้นำความรู้ความสามารถมาดูแลคนในชุมชน ถ้าหากหน่วยงานใด บริษัทไหน เสนอโครงการเข้าแล้ว เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชน ตลอดจนคนในชุมชนก็ยินดีน้อมรับ”