“หมอประดิษฐ” ยันไม่เคยดิสเครดิต อภ.แต่ต้องทำให้เคลียร์ ตอบคำถามสังคมได้ ตอกกลับ “หมอวิทิต” หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าผิดใครรับผิดชอบ เล็งปรึกษาฝ่ายกฎหมายบอร์ดองค์กรต่างๆ ที่ “หมอวิชัย” เป็นกรรมการ มีประเด็นผิดกฎหมายหรือไม่
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) เพื่อสอบสวน นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ว่า ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตใคร เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ อภ.เป็นหน่วยงานที่ผลิตยาซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตคน หากมีข้อสงสัยแล้วไม่ทำให้ชัดเจนว่าไม่มีอะไร เช่น ข่าวพาราเซตามอลปนเปื้อน หากปล่อยให้มีแต่ข่าว โดยไม่ทำอะไร แล้วประชาชนจะกล้ากินหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ก็พยายามทำให้ชัดเจนว่าปนเปื้อนจริง แต่มีการแยกวัตถุดิบออกไปก่อนทุกครั้งไม่มีการนำมาใช้ และต้องมีการตรวจสอบคุณภาพ
“สิ่งที่ทำคือพยายามให้ประชาชนไว้ใจ หากไม่ทำก็อึมครึม สื่อก็ลงแต่คำถาม สุดท้ายคือความลังเล ไม่เชื่อมั่นของประชาชน ถ้าสุดท้ายประชาชนบอกว่ายา อภ.กินไม่ได้ มันก็เสียหายทั้งประเทศ สหภาพฯต้องช่วยกันในเรื่องนี้ โดยที่ผ่านมาได้ชี้แจงแล้วว่า หากประชาชนไม่มั่นใจ ก็พยายามแก้ไขเหตุการณ์ที่ผ่านมาและพยายามดูแลสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนปัญหาบริหารจัดการก็ให้ใช้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน เช่น การซื้อยาก็ต้องมีแผนการใช้ไม่รอให้ใกล้หมดอายุแล้วค่อยนำมาใช้ ความจริงอาจเป็นเพียงการบริหารจัดการไม่รอบคอบก็ต้องรีบทำให้มันดีให้ประชาชนไว้ใจ” รมว.สาธารณสุข กล่าว
เมื่อถามถึงกรณี นพ.วิทิต เรียกร้องความเป็นธรรม หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าไม่มีความผิดจะมีการแสดงความรับผิดชอบอย่างไร นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องน้ำครึ่งแก้ว หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าผิด แล้ว นพ.วิทิต จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ส่วนที่กลุ่มเอ็นจีโอ ยื่นร้องต่อวุฒิสภาถึงธรรมาภิบาลในการสอบสวนนั้นเป็นเรื่องที่ดี ทุกองค์กรทำตามหน้าที่ ทำโดยถูกต้องก็ต้องกล้าให้พิสูจน์ และต้องคงทนต่อการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นตน นพ.วิทิต หรือดีเอสไอ ก็ต้องคงทนต่อการตรวจสอบ ถ้าใครทำไม่ถูกขั้นตอนก็ยอมรับการตรวจสอบ หากตรวจสอบอย่างไม่มีธรรมาภิบาลก็โวยได้ แต่หากทำตามขั้นตอนแล้วบอกว่าตรวจสอบไม่ได้ก็ไม่จบ
เมื่อถามถึงการตรวจสอบ นพ.วิชัย ซึ่งปัจจุบันเป็นคณะกรรมการบริหารในหลายหน่วยงาน ว่าจำเป็นต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้งหรือไม่ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ขณะนี้ นพ.วิชัย เพียงแต่ถูกกล่าวร้องทุกข์เท่านั้น ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องผิดคุณสมบัติ แต่หากมีประเด็นดังกล่าวก็อาจต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายของแต่ละกองทุนว่ามีประเด็นผิดกฎหมายของแต่ละกองทุนหรือไม่ เพราะแต่ละกองทุนก็มีกฎหมายเฉพาะ แต่โดยทั่วไปคณะกรรมการบริหารแต่ละแห่งก็มีเรื่องฟ้องร้อง ป.ป.ช.กันก็หลายคน ก็ยังเป็นกรรมการในหน่วยงานต่างๆ ได้
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) เพื่อสอบสวน นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ว่า ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตใคร เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ อภ.เป็นหน่วยงานที่ผลิตยาซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตคน หากมีข้อสงสัยแล้วไม่ทำให้ชัดเจนว่าไม่มีอะไร เช่น ข่าวพาราเซตามอลปนเปื้อน หากปล่อยให้มีแต่ข่าว โดยไม่ทำอะไร แล้วประชาชนจะกล้ากินหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ก็พยายามทำให้ชัดเจนว่าปนเปื้อนจริง แต่มีการแยกวัตถุดิบออกไปก่อนทุกครั้งไม่มีการนำมาใช้ และต้องมีการตรวจสอบคุณภาพ
“สิ่งที่ทำคือพยายามให้ประชาชนไว้ใจ หากไม่ทำก็อึมครึม สื่อก็ลงแต่คำถาม สุดท้ายคือความลังเล ไม่เชื่อมั่นของประชาชน ถ้าสุดท้ายประชาชนบอกว่ายา อภ.กินไม่ได้ มันก็เสียหายทั้งประเทศ สหภาพฯต้องช่วยกันในเรื่องนี้ โดยที่ผ่านมาได้ชี้แจงแล้วว่า หากประชาชนไม่มั่นใจ ก็พยายามแก้ไขเหตุการณ์ที่ผ่านมาและพยายามดูแลสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนปัญหาบริหารจัดการก็ให้ใช้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน เช่น การซื้อยาก็ต้องมีแผนการใช้ไม่รอให้ใกล้หมดอายุแล้วค่อยนำมาใช้ ความจริงอาจเป็นเพียงการบริหารจัดการไม่รอบคอบก็ต้องรีบทำให้มันดีให้ประชาชนไว้ใจ” รมว.สาธารณสุข กล่าว
เมื่อถามถึงกรณี นพ.วิทิต เรียกร้องความเป็นธรรม หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าไม่มีความผิดจะมีการแสดงความรับผิดชอบอย่างไร นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องน้ำครึ่งแก้ว หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าผิด แล้ว นพ.วิทิต จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ส่วนที่กลุ่มเอ็นจีโอ ยื่นร้องต่อวุฒิสภาถึงธรรมาภิบาลในการสอบสวนนั้นเป็นเรื่องที่ดี ทุกองค์กรทำตามหน้าที่ ทำโดยถูกต้องก็ต้องกล้าให้พิสูจน์ และต้องคงทนต่อการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นตน นพ.วิทิต หรือดีเอสไอ ก็ต้องคงทนต่อการตรวจสอบ ถ้าใครทำไม่ถูกขั้นตอนก็ยอมรับการตรวจสอบ หากตรวจสอบอย่างไม่มีธรรมาภิบาลก็โวยได้ แต่หากทำตามขั้นตอนแล้วบอกว่าตรวจสอบไม่ได้ก็ไม่จบ
เมื่อถามถึงการตรวจสอบ นพ.วิชัย ซึ่งปัจจุบันเป็นคณะกรรมการบริหารในหลายหน่วยงาน ว่าจำเป็นต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้งหรือไม่ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ขณะนี้ นพ.วิชัย เพียงแต่ถูกกล่าวร้องทุกข์เท่านั้น ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องผิดคุณสมบัติ แต่หากมีประเด็นดังกล่าวก็อาจต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายของแต่ละกองทุนว่ามีประเด็นผิดกฎหมายของแต่ละกองทุนหรือไม่ เพราะแต่ละกองทุนก็มีกฎหมายเฉพาะ แต่โดยทั่วไปคณะกรรมการบริหารแต่ละแห่งก็มีเรื่องฟ้องร้อง ป.ป.ช.กันก็หลายคน ก็ยังเป็นกรรมการในหน่วยงานต่างๆ ได้
