มะเร็งตับคร่าชีวิตคนไทยสูงถึง 1.4 หมื่นราย สธ.ตั้งเป้า 8 ปี ลดผู้ป่วยพยาธิใบไม้ตับให้เหลือ 5% ลดตายจากมะเร็งตับและท่อน้ำดีให้เหลือน้อยกว่า 20 ต่อประชากรแสนคน แนะเปลี่ยนพฤติกรรมการกินปลาดิบ
วันนี้ (26 เม.ย.) นายสุรชัย เบ้าจรรยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดมหกรรมรณรงค์สัญจร “การกำจัดโรคพยาธิใบไม้ตับลดมะเร็งท่อน้ำดี ปี 2556” ภายใต้แนวคิด สุขถ้วนหน้ากินปลาสุก ว่า โรคพยาธิใบไม้ตับเป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีและก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากแก่คนอีสาน ทั้งในด้านแรงงาน เศรษฐกิจ และสังคม อันจะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ จำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้คนอีสานได้เห็นความสำคัญของสุขภาพและความปลอดภัยของชีวิตมากกว่าประเพณีการบริโภคที่มีมายาวนานซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ปัจจุบันยังมีผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีรายใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยพบว่ามีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดีทั่วประเทศ จำนวน 14,314 ราย มากสุดเป็นภาคอีสาน 7,593 ราย พบมากในอายุ 45-55 ปี ซึ่งเป็นวัยทำงาน โดยเข้าใจผิดว่ากินอาหารปรุงสุกๆดิบๆ ช่วยเพิ่มพลังให้ร่างกาย ทั้งนี้จังหวัดอุดรธานี มีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งท่อน้ำดี 48.1 ต่อประชากรแสนคน
“สธ.ให้ความสำคัญและเร่งกำจัดพยาธิใบไม้ตับ ลดมะเร็งท่อน้ำดี ตั้งเป้าในระยะเวลา 8 ปี ในปี พ.ศ.2556-2564 ลดการป่วยจากพยาธิใบไม้ตับให้เหลือไม่เกินร้อยละ 5 ลดอัตราตายจากมะเร็งท่อน้ำดีให้เหลือไม่เกิน 20 ต่อประชากรแสนคน ได้กำหนดยุทธศาสตร์เร่งด่วน 5 ข้อ ได้แก่ 1.ป้องกันและคัดกรอง 2.วินิจฉัยและดูแลรักษา 3.พัฒนาคุณภาพชีวิต 4.ติดตามและประเมินผล และ 5.วิจัยและพัฒนา โดยมีนโยบายให้ทุกภาคส่วนร่วมกันทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่วมใจกันสร้างวัฒนธรรมในการกินสุก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมค่านิยมกินปลาปรุงดิบ เร่งตรวจค้นหาผู้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ เพื่อคัดกรองค้นหาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะแรกซึ่งหากรู้เร็วอาจไม่เสียชีวิต
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค พบว่า ประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือป่วยด้วยโรคพยาธิใบไม้ตับและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาเป็นร้อยละ 16.6 ซึ่งในหมู่บ้านสูงถึง ร้อยละ 85 จึงชี้ให้เห็นว่า โรคพยาธิใบไม้ตับ ยังคงเป็นปัญหาระดับประเทศที่ต้องได้รับการแก้ไขในแบบบูรณาการ ทุกภาคส่วนทุกระดับ ให้บรรลุเป้าหมาย กำจัดพยาธิใบไม้ตับ ลดมะเร็งท่อน้ำดี ได้อย่างแท้จริง
“ส่วนสาเหตุเกิดจากค่านิยมกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาว และปลาพื้นบ้านในทุ่งนา เมื่อคนกินเข้าไปตัวอ่อนพยาธิเจริญเป็นตัวเต็มวัย คนที่มีพยาธิชนิดนี้จะแพร่เชื้อได้นานถึง 30 ปี อาการเริ่มแรกของผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับที่มักพบในประเทศไทยคือ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องอืด ตับโต อาหารไม่ย่อย จุกเสียดและรู้สึกแน่นท้องที่ใต้ชายโครงขวา อาการมักเกิดขึ้นตอนบ่ายๆ นานประมาณ 1-3 ชั่วโมง มีอาการรู้สึก ออกร้อนที่ผิวหนังหน้าท้องด้านขวาหรือที่หลัง หากมีอาการเหล่านี้ขอให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโดยเร็ว ที่สำคัญคือเน้นการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ ส่งเสริมให้ประชาชนรับประทานอาหารเมนูปลาที่ปรุงสุกด้วยความร้อน ล้างมือ ล้างผักให้สะอาด ถ่ายอุจจาระในส้วมหรือขุดหลุมฝังกลบเมื่อถ่ายนอกบ้านและตรวจอุจจาระค้นหาไข่พยาธิปีละ 1 ครั้งทุกปี” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
วันนี้ (26 เม.ย.) นายสุรชัย เบ้าจรรยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดมหกรรมรณรงค์สัญจร “การกำจัดโรคพยาธิใบไม้ตับลดมะเร็งท่อน้ำดี ปี 2556” ภายใต้แนวคิด สุขถ้วนหน้ากินปลาสุก ว่า โรคพยาธิใบไม้ตับเป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีและก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากแก่คนอีสาน ทั้งในด้านแรงงาน เศรษฐกิจ และสังคม อันจะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ จำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้คนอีสานได้เห็นความสำคัญของสุขภาพและความปลอดภัยของชีวิตมากกว่าประเพณีการบริโภคที่มีมายาวนานซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ปัจจุบันยังมีผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีรายใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยพบว่ามีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดีทั่วประเทศ จำนวน 14,314 ราย มากสุดเป็นภาคอีสาน 7,593 ราย พบมากในอายุ 45-55 ปี ซึ่งเป็นวัยทำงาน โดยเข้าใจผิดว่ากินอาหารปรุงสุกๆดิบๆ ช่วยเพิ่มพลังให้ร่างกาย ทั้งนี้จังหวัดอุดรธานี มีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งท่อน้ำดี 48.1 ต่อประชากรแสนคน
“สธ.ให้ความสำคัญและเร่งกำจัดพยาธิใบไม้ตับ ลดมะเร็งท่อน้ำดี ตั้งเป้าในระยะเวลา 8 ปี ในปี พ.ศ.2556-2564 ลดการป่วยจากพยาธิใบไม้ตับให้เหลือไม่เกินร้อยละ 5 ลดอัตราตายจากมะเร็งท่อน้ำดีให้เหลือไม่เกิน 20 ต่อประชากรแสนคน ได้กำหนดยุทธศาสตร์เร่งด่วน 5 ข้อ ได้แก่ 1.ป้องกันและคัดกรอง 2.วินิจฉัยและดูแลรักษา 3.พัฒนาคุณภาพชีวิต 4.ติดตามและประเมินผล และ 5.วิจัยและพัฒนา โดยมีนโยบายให้ทุกภาคส่วนร่วมกันทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่วมใจกันสร้างวัฒนธรรมในการกินสุก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมค่านิยมกินปลาปรุงดิบ เร่งตรวจค้นหาผู้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ เพื่อคัดกรองค้นหาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะแรกซึ่งหากรู้เร็วอาจไม่เสียชีวิต
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค พบว่า ประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือป่วยด้วยโรคพยาธิใบไม้ตับและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาเป็นร้อยละ 16.6 ซึ่งในหมู่บ้านสูงถึง ร้อยละ 85 จึงชี้ให้เห็นว่า โรคพยาธิใบไม้ตับ ยังคงเป็นปัญหาระดับประเทศที่ต้องได้รับการแก้ไขในแบบบูรณาการ ทุกภาคส่วนทุกระดับ ให้บรรลุเป้าหมาย กำจัดพยาธิใบไม้ตับ ลดมะเร็งท่อน้ำดี ได้อย่างแท้จริง
“ส่วนสาเหตุเกิดจากค่านิยมกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาว และปลาพื้นบ้านในทุ่งนา เมื่อคนกินเข้าไปตัวอ่อนพยาธิเจริญเป็นตัวเต็มวัย คนที่มีพยาธิชนิดนี้จะแพร่เชื้อได้นานถึง 30 ปี อาการเริ่มแรกของผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับที่มักพบในประเทศไทยคือ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องอืด ตับโต อาหารไม่ย่อย จุกเสียดและรู้สึกแน่นท้องที่ใต้ชายโครงขวา อาการมักเกิดขึ้นตอนบ่ายๆ นานประมาณ 1-3 ชั่วโมง มีอาการรู้สึก ออกร้อนที่ผิวหนังหน้าท้องด้านขวาหรือที่หลัง หากมีอาการเหล่านี้ขอให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโดยเร็ว ที่สำคัญคือเน้นการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ ส่งเสริมให้ประชาชนรับประทานอาหารเมนูปลาที่ปรุงสุกด้วยความร้อน ล้างมือ ล้างผักให้สะอาด ถ่ายอุจจาระในส้วมหรือขุดหลุมฝังกลบเมื่อถ่ายนอกบ้านและตรวจอุจจาระค้นหาไข่พยาธิปีละ 1 ครั้งทุกปี” นพ.สมศักดิ์ กล่าว