“หมอสมาน” เผยข้าวสารขายเหล้าเบียร์เถื่อน จัดหนักโปรโมชันส่งเสริมการขาย แฉบริษัทเบียร์ส่งชายฉกรรจ์ข่มขู่เจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน ก่อนหอบทั้งคน ทั้งเบียร์และซุ้มหนีหาย หลังประสานตำรวจเข้าเคลียร์ สุดท้ายจับผู้ต้องหาได้รายเดียว แถมอ้างจ่ายใต้โต๊ะเจ้าหน้าที่แล้วทำไมถึงจับ
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลการตรวจผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานฯ ที่ถนนข้าวสาร พบว่ามีการขายเหล้าเบียร์เถื่อนโดยไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราเป็นจำนวนมากในบริเวณรอบๆ ถนนข้าวสาร ไม่เว้นแม้แต่บริเวณทางเท้าติดกับวัดบวรนิเวศวิหาร
นพ.สมาน กล่าวอีกว่า ลักษณะการขายเหล้าเบียร์ดังกล่าว เป็นการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง เช่น ขายเบียร์ กระป๋องละ 50 บาท แต่หากซื้อ 5 กระป๋องราคาเพียง 200 บาท ซึ่งก็คือซื้อ 4 กระป๋อง แถม 1 กระป๋อง เป็นต้น โดยมีรถของบริษัทน้ำเมาคอยให้บริการขายส่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน ขณะที่ทีมพนักงานเจ้าหน้าที่และนิติกรของสำนักงานฯปฏิบัติงานตรวจสอบอยู่ พบมีชายฉกรรจ์ 5-6 คน สวมเสื้อมีโลโก้ของเบียร์อย่างชัดเจนมาข่มขู่คุกคาม ด้วยการเอาแผ่นสติกเกอร์โฆษณาเบียร์ขนาดใหญ่มากางแสดง แล้วเข้ามาประชิดตัว ถ่ายรูปนิติกรหญิงขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อหวังแสดงให้พ่อค้าแม่ขายที่อยู่บริเวณนั้นเห็นว่าไม่ต้องเชื่อเจ้าหน้าที่ว่าป้ายโฆษณาที่เขาเอามาแจกนั้นไม่ผิดกฎหมายและข่มขู่คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่
“เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานขอกำลังตำรวจจาก พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาอำนวยความสะดวกระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ปรากฏว่ากลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมทั้งซุ้มร้านขายเบียร์ที่ได้ทดสอบซื้อเอาไว้และรถขนส่งของบริษัทน้ำเมาได้หายไปหมด ไม่เหลือให้เห็นทั้งคนขายและซุ้ม จึงจับกุมผู้กระทำผิดได้เพียงรายเดียว” นพ.สมาน กล่าว
นพ.สมาน กล่าวด้วยว่า จากการพูดคุยกับผู้ต้องหาทาง ผู้ต้องหาได้ขอความเห็นใจว่าที่ขายบนทางสาธารณะได้นั้น เพราะได้จ่ายเงินเจ้าหน้าที่แล้ว 4,000 บาท ทำไมจึงถูกจับอีก ซึ่งกรณีนี้ เท็จจริงอย่างใดคงต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่ประเด็นนี้เป็นการสะท้อนปัญหาที่แท้จริงของการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยการร้องขอประชาสัมพันธ์เท่านั้น ต้องใช้หลากหลายวิธีและมีกลไกการตรวจสอบที่หลากหลาย เพราะเป็นเรื่องที่อาจมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากมาย
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลการตรวจผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานฯ ที่ถนนข้าวสาร พบว่ามีการขายเหล้าเบียร์เถื่อนโดยไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราเป็นจำนวนมากในบริเวณรอบๆ ถนนข้าวสาร ไม่เว้นแม้แต่บริเวณทางเท้าติดกับวัดบวรนิเวศวิหาร
นพ.สมาน กล่าวอีกว่า ลักษณะการขายเหล้าเบียร์ดังกล่าว เป็นการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง เช่น ขายเบียร์ กระป๋องละ 50 บาท แต่หากซื้อ 5 กระป๋องราคาเพียง 200 บาท ซึ่งก็คือซื้อ 4 กระป๋อง แถม 1 กระป๋อง เป็นต้น โดยมีรถของบริษัทน้ำเมาคอยให้บริการขายส่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน ขณะที่ทีมพนักงานเจ้าหน้าที่และนิติกรของสำนักงานฯปฏิบัติงานตรวจสอบอยู่ พบมีชายฉกรรจ์ 5-6 คน สวมเสื้อมีโลโก้ของเบียร์อย่างชัดเจนมาข่มขู่คุกคาม ด้วยการเอาแผ่นสติกเกอร์โฆษณาเบียร์ขนาดใหญ่มากางแสดง แล้วเข้ามาประชิดตัว ถ่ายรูปนิติกรหญิงขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อหวังแสดงให้พ่อค้าแม่ขายที่อยู่บริเวณนั้นเห็นว่าไม่ต้องเชื่อเจ้าหน้าที่ว่าป้ายโฆษณาที่เขาเอามาแจกนั้นไม่ผิดกฎหมายและข่มขู่คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่
“เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานขอกำลังตำรวจจาก พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาอำนวยความสะดวกระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ปรากฏว่ากลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมทั้งซุ้มร้านขายเบียร์ที่ได้ทดสอบซื้อเอาไว้และรถขนส่งของบริษัทน้ำเมาได้หายไปหมด ไม่เหลือให้เห็นทั้งคนขายและซุ้ม จึงจับกุมผู้กระทำผิดได้เพียงรายเดียว” นพ.สมาน กล่าว
นพ.สมาน กล่าวด้วยว่า จากการพูดคุยกับผู้ต้องหาทาง ผู้ต้องหาได้ขอความเห็นใจว่าที่ขายบนทางสาธารณะได้นั้น เพราะได้จ่ายเงินเจ้าหน้าที่แล้ว 4,000 บาท ทำไมจึงถูกจับอีก ซึ่งกรณีนี้ เท็จจริงอย่างใดคงต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่ประเด็นนี้เป็นการสะท้อนปัญหาที่แท้จริงของการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยการร้องขอประชาสัมพันธ์เท่านั้น ต้องใช้หลากหลายวิธีและมีกลไกการตรวจสอบที่หลากหลาย เพราะเป็นเรื่องที่อาจมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากมาย