“หมอประดิษฐ” เตรียมให้ปากคำดีเอสไอ กรณีร้องให้ตรวจสอบ อภ.สร้างโรงงานวัคซีนช้า เผย WHO ส่งหนังสือตอบคำถามแล้ว ระบุให้คำแนะนำการก่อสร้างตั้งแต่ปี 50 และให้ไทยตัดสินใจเอง พร้อมให้ทุนวิจัย แต่ระหว่างที่ไทยเปลี่ยนแบบไม่ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติม
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีส่งหนังสือสอบถามไปยัง องค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อขอรายละเอียดการให้คำแนะนำในการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนในขณะนั้น ว่า ขณะนี้ WHO ได้ส่งหนังสือกลับมาแล้ว โดยระบุว่าได้มีการให้คำแนะนำตั้งแต่ปี 2550 ถึงการก่อสร้างโรงงานวัคซีนนั้นต้องทำอย่างไรและมีแบบอะไรให้เลือกบ้าง ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของไทยเองว่าจะเลือกแบบใด โดย WHO ได้ให้เงินทุนมาก้อนหนึ่งในการทำวิจัยด้วย แต่ระหว่างนั้นไม่มีการให้คำแนะนำเพิ่มเติมแต่อย่างใด และไทยเองมีการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งเป็นผลทำให้การก่อสร้างช้าลง จะต้องมีการไปซักถามกระบวนการตัดสินใจเปลี่ยนแบบเพราะอะไร ทั้งนี้ ในวันที่ 17 เม.ย.ตนจะเข้าให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในเรื่องโรงงานวัคซีนและจะใช้ข้อมูลที่ WHO ส่งมาเพื่อใช้ร่วมด้วย
“ระหว่างการเปลี่ยนแบบไม่มีการขอคำปรึกษาเพิ่มจาก WHO เนื่องจากคำปรึกษาที่ให้มาครบถ้วนแล้ว เป็นเรื่องของไทยที่ตัดสินใจเปลี่ยนเอง จึงต้องย้อนกลับไปดูรายงานการประชุมว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเปลี่ยนเป็นเพราะอะไร เนื่องจากระหว่างนั้นมีปัจจัยที่เปลี่ยนไป เช่น การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นต้น โดยข้อมูลในขณะนี้เพียงพอในการทำความเข้าใจและตัดสินใจในอนาคตว่า เพราะทราบว่าอะไร ทำไม อย่างไร หากไม่เข้าใจในเรื่องนี้ก็จะทำให้เกิดความเสียหายได้” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงงานยังต้องเดินหน้าต่อ เพื่อไม่ให้ผู้รับเหมาอ้างว่าเกิดจาก อภ.ทำให้เกิดความล่าช้าของการทำงาน ส่วนการแก้ปัญหาในอนาคตก็จะเอาข้อมูลจาก WHO มาประกอบการทำงาน รวมทั้งตั้งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมพิจารณาข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งจากนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโรงงานก็ต้องทำให้จบ แต่ไม่ได้รีบมากขนาดต้องกำหนดวันเวลาชัดเจน เพราะการทดลองวัคซีนก็ยังไม่แล้วเสร็จอยู่ในระยะที่ 2 การก่อสร้างสามารถทำควบคู่กันไปได้ แต่การทำงานต่อต้องมีเหตุผลชัดเจนว่า เดินหน้าต่ออย่างไรไม่ให้เกิดความสูญเสีย
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีส่งหนังสือสอบถามไปยัง องค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อขอรายละเอียดการให้คำแนะนำในการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนในขณะนั้น ว่า ขณะนี้ WHO ได้ส่งหนังสือกลับมาแล้ว โดยระบุว่าได้มีการให้คำแนะนำตั้งแต่ปี 2550 ถึงการก่อสร้างโรงงานวัคซีนนั้นต้องทำอย่างไรและมีแบบอะไรให้เลือกบ้าง ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของไทยเองว่าจะเลือกแบบใด โดย WHO ได้ให้เงินทุนมาก้อนหนึ่งในการทำวิจัยด้วย แต่ระหว่างนั้นไม่มีการให้คำแนะนำเพิ่มเติมแต่อย่างใด และไทยเองมีการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งเป็นผลทำให้การก่อสร้างช้าลง จะต้องมีการไปซักถามกระบวนการตัดสินใจเปลี่ยนแบบเพราะอะไร ทั้งนี้ ในวันที่ 17 เม.ย.ตนจะเข้าให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในเรื่องโรงงานวัคซีนและจะใช้ข้อมูลที่ WHO ส่งมาเพื่อใช้ร่วมด้วย
“ระหว่างการเปลี่ยนแบบไม่มีการขอคำปรึกษาเพิ่มจาก WHO เนื่องจากคำปรึกษาที่ให้มาครบถ้วนแล้ว เป็นเรื่องของไทยที่ตัดสินใจเปลี่ยนเอง จึงต้องย้อนกลับไปดูรายงานการประชุมว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเปลี่ยนเป็นเพราะอะไร เนื่องจากระหว่างนั้นมีปัจจัยที่เปลี่ยนไป เช่น การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นต้น โดยข้อมูลในขณะนี้เพียงพอในการทำความเข้าใจและตัดสินใจในอนาคตว่า เพราะทราบว่าอะไร ทำไม อย่างไร หากไม่เข้าใจในเรื่องนี้ก็จะทำให้เกิดความเสียหายได้” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงงานยังต้องเดินหน้าต่อ เพื่อไม่ให้ผู้รับเหมาอ้างว่าเกิดจาก อภ.ทำให้เกิดความล่าช้าของการทำงาน ส่วนการแก้ปัญหาในอนาคตก็จะเอาข้อมูลจาก WHO มาประกอบการทำงาน รวมทั้งตั้งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมพิจารณาข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งจากนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโรงงานก็ต้องทำให้จบ แต่ไม่ได้รีบมากขนาดต้องกำหนดวันเวลาชัดเจน เพราะการทดลองวัคซีนก็ยังไม่แล้วเสร็จอยู่ในระยะที่ 2 การก่อสร้างสามารถทำควบคู่กันไปได้ แต่การทำงานต่อต้องมีเหตุผลชัดเจนว่า เดินหน้าต่ออย่างไรไม่ให้เกิดความสูญเสีย