เล็งชง “พงศ์เทพ” ยกเลิกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯ มอส.กรณีพิเศษ ให้สามารถอนุมัติปริญญา นศ.กว่า 1.6 พันคนที่เรียนครบถูกต้องตามหลักสูตรได้ “สุมนต์” แจงหารือนักกฎหมายแล้ว พร้อมประสานคุรุสภาวอนเยียวยา นศ.ที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูด้วย
รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย ในฐานะผู้ชำระบัญชีมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ลงนามในคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้ง มอส.เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2555 ซึ่งต่อมาคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า คณะกรรมการควบคุม มอส.ไม่สามารถอนุมัติปริญญาย้อนหลังให้กับนักศึกษาได้ ส่งผลให้นักศึกษาที่เรียนครบตามหลักสูตร จำนวน 1,649 คนไม่ได้รับการอนุมัติปริญญานั้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้เสนอให้นักศึกษาส่วนหนึ่งโอนย้ายไปเรียนที่อื่น แต่ยังคงเหลือนักศึกษาอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ประสงค์โอนย้าย ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหา ตนได้ทำหนังสือถึง ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหา มอส.เพื่อขอให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ทบทวนคำสั่ง ศธ.เพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้ง มอส.โดยขอให้พิจารณายกเลิกคำสั่งโดยมีเงื่อนไขกรณีพิเศษเพื่อคืนอำนาจให้ มอส.สามารถอนุมัติปริญญาแก่นักศึกษาที่เรียนครบหลักสูตรได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้
“ผมได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและได้รับคำแนะนำให้ใช้วิธีการดังกล่าว เพื่อขอเพิกถอนคำสั่งบางส่วน โดยมีเหตุผลเพื่อเยียวยานักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก และวิธีนี้จะเป็นทางออกที่มีความเป็นไปได้ และใช้เวลาน้อยที่สุด ซึ่งถ้าหาก รมว.ศึกษาธิการ เห็นชอบและเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวจะส่งผลให้ มอส.มีสภาพนิติบุคคลกลับคืนมา และสามารถดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสามารถอนุมัติปริญญาที่ยังค้างอยู่ประมาณ 1,649 คน ได้” รศ.ดร.สุมนต์ กล่าว
ผู้ชำระบัญชี มอส.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนได้ทำหนังสือถึงคุรุสภาขอให้ดำเนินการแก้ปัญหาให้นักศึกษา มอส. ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู หรือ ป.บัณฑิต ที่รอความช่วยเหลือและเยียวยาเพื่อให้ได้มีโอกาสรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู จำนวน 1,183 คน แบ่งเป็น 1.กลุ่มที่สอบผ่านการสอบประมวลความรู้และฝึกสอนหรือเทียบประสบการณ์ครบ แต่ไม่ได้รับใบป.บัณฑิต ก่อนวันเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งจำนวน 257 คน 2.กลุ่มที่สอบผ่านการประมวลความรู้แล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นหลักฐานเพื่อขอสำเร็จการศึกษา 126 คน และ 3.กลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าสอบ หรือยังสอบไม่ผ่านการสอบประมวลความรู้ จำนวน 800 คน ซึ่งในส่วนของนักศึกษา ป.บัณฑิต ส่วนใหญ่จะไม่สามารถโอนย้ายไปยังสถานศึกษาอื่นได้ เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการศึกษาหลายแห่งไม่เปิดสอน ป.บัณฑิตแล้ว จึงจำเป็นต้องได้รับความช่วยจากคุรุสภา
รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย ในฐานะผู้ชำระบัญชีมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ลงนามในคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้ง มอส.เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2555 ซึ่งต่อมาคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า คณะกรรมการควบคุม มอส.ไม่สามารถอนุมัติปริญญาย้อนหลังให้กับนักศึกษาได้ ส่งผลให้นักศึกษาที่เรียนครบตามหลักสูตร จำนวน 1,649 คนไม่ได้รับการอนุมัติปริญญานั้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้เสนอให้นักศึกษาส่วนหนึ่งโอนย้ายไปเรียนที่อื่น แต่ยังคงเหลือนักศึกษาอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ประสงค์โอนย้าย ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหา ตนได้ทำหนังสือถึง ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหา มอส.เพื่อขอให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ทบทวนคำสั่ง ศธ.เพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้ง มอส.โดยขอให้พิจารณายกเลิกคำสั่งโดยมีเงื่อนไขกรณีพิเศษเพื่อคืนอำนาจให้ มอส.สามารถอนุมัติปริญญาแก่นักศึกษาที่เรียนครบหลักสูตรได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้
“ผมได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและได้รับคำแนะนำให้ใช้วิธีการดังกล่าว เพื่อขอเพิกถอนคำสั่งบางส่วน โดยมีเหตุผลเพื่อเยียวยานักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก และวิธีนี้จะเป็นทางออกที่มีความเป็นไปได้ และใช้เวลาน้อยที่สุด ซึ่งถ้าหาก รมว.ศึกษาธิการ เห็นชอบและเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวจะส่งผลให้ มอส.มีสภาพนิติบุคคลกลับคืนมา และสามารถดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสามารถอนุมัติปริญญาที่ยังค้างอยู่ประมาณ 1,649 คน ได้” รศ.ดร.สุมนต์ กล่าว
ผู้ชำระบัญชี มอส.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนได้ทำหนังสือถึงคุรุสภาขอให้ดำเนินการแก้ปัญหาให้นักศึกษา มอส. ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู หรือ ป.บัณฑิต ที่รอความช่วยเหลือและเยียวยาเพื่อให้ได้มีโอกาสรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู จำนวน 1,183 คน แบ่งเป็น 1.กลุ่มที่สอบผ่านการสอบประมวลความรู้และฝึกสอนหรือเทียบประสบการณ์ครบ แต่ไม่ได้รับใบป.บัณฑิต ก่อนวันเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งจำนวน 257 คน 2.กลุ่มที่สอบผ่านการประมวลความรู้แล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นหลักฐานเพื่อขอสำเร็จการศึกษา 126 คน และ 3.กลุ่มที่ยังไม่ได้เข้าสอบ หรือยังสอบไม่ผ่านการสอบประมวลความรู้ จำนวน 800 คน ซึ่งในส่วนของนักศึกษา ป.บัณฑิต ส่วนใหญ่จะไม่สามารถโอนย้ายไปยังสถานศึกษาอื่นได้ เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการศึกษาหลายแห่งไม่เปิดสอน ป.บัณฑิตแล้ว จึงจำเป็นต้องได้รับความช่วยจากคุรุสภา