วธ.ดันไทยเข้าภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ปกป้องภูมิปัญญา 150 รายการ ทั้งนวดไทย ต้มยำกุ้ง ฤๅษีดัดตน หวั่นสูญหาย เดินหน้าทำประชาพิจารณ์ ก่อนเสนอเข้า ครม.-สภา เดือนตุลาคมนี้
วันนี้ (12 มี.ค.) นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวความคืบหน้ากรณีประเทศไทยเตรียมเข้าร่วมภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) ของยูเนสโก ว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เดินหน้าจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการ ช่างภูมิปัญญา ประชาชนที่เกี่ยวข้องของแต่ละภูมิภาค เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ... ซึ่งหลังจากทำประชาพิจารณ์เสร็จแล้ว ทาง วธ.และ สวธ.จะนำความคิดเห็นทั้งหมดมาวิเคราะห์สรุปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วจะส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา จากนั้นนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่ง วธ.จะเร่งให้เสร็จทันในสมัยเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏรในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ ถ้าหากสภาเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นร่วมภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ทาง วธ.จะเดินหน้ายื่นหนังสือเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาทันที เมื่อยูเนสโกรับเข้าเป็นสมาชิกแล้วทางประเทศไทยจะนำมรดกภูมิปัญญาของไทยไปประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่ขณะนี้ สวธ.ได้ขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยระดับชาติที่อยู่ในภาวะเสี่ยงสูญหายไว้แล้ว 150 รายการ 7 สาขา เช่น สาขาศิลปะการแสดง เช่น ขับเสภา ดิเกร์ฮูลู ซอล้านนา, สาขาวรรณกรรมพื้นบ้าน เช่น ตำนานดาวลูกไก่ ตำนานผาแดงนางไอ่, สาขาความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล เช่น การนวดไทย ต้มยำกุ้ง ฤๅษีดัดตน, สาขาภาษา เช่น ภาษาชอง ภาษาญัฮกุร เป็นต้น
นางปริศนา อธิบายว่า การเป็นภาคีอนุสัญญามรดกจับต้องไม่ได้ สามารถขอรับการสนับสนุนเงินทุนแต่ละโครงการมรดกจับต้องไม่ได้ นำแนวทางรักษาอนุรักษ์มาปฏิบัติให้ถูกวิธี ที่สำคัญมีสิทธิเข้าไปเป็นกรรมการออกเสียงในที่ประชุมในการเสนอภูมิปัญญาของไทยเป็นมรดกโลก หรือประเด็นที่มีผลกระทบเกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งในกลุ่มอาเซียนมีเพียงไทยกับพม่าที่ยังไม่ได้เข้าเป็นภาคีดังกล่าว