เตือนกินช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์เพียงแท่งเดียวทำตัวฉุ ต้องเดินเร็ว 45 นาที หรือว่ายน้ำ 15 นาที ถึงเผาผลาญพลังงานหมด นักโภชนาการแนะให้แอปเปิลสีแดง หรือสตรอเบอร์รี แทนความรักความห่วงใย
นายสง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย ผู้จัดการศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาระบบและกลไกเพื่อเด็กไทยมีโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ คนมักนิยมมอบช็อกโกแลตให้กันเป็นของขวัญ เพราะเชื่อว่าจะทำให้หลั่งสารแห่งความสุข หรือสารเอนโดรฟินได้ แต่ความจริงแล้วสารเอนโดรฟินสามารถหาได้จากอาหารทั่วไป หากทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งช็อกโกแลตจัดเป็นอาหารที่ให้ความหวานสูง เพราะประกอบด้วยน้ำตาลซูโครส และฟรุกโตส ถึงร้อยละ 90 และถือเป็นสารให้พลังงานสูญเปล่า เพราะร่างกายต้องการพลังงานจากแหล่งอื่นมากกว่าน้ำตาล
“ช็อกโกแลต 1 แท่งให้พลังงานถึง 260 กิโลแคลอรี เท่ากับข้าว 3-4 ทัพพี และในการรับประทานอาหารหนึ่งมื้อนั้น ควรจะได้รับพลังงานไม่เกิน 500-600 กิโลแคลอรี หากในแต่ละวันได้รับพลังงานจากน้ำตาลเกินร้อยละ 10 ของพลังงานทั้งหมด ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันเกาะที่ใต้ผิวหนัง หลอดเลือด และตับ เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคความดัน และที่พบมากสุด คือ โรคอ้วนลงพุง ทั้งนี้ ช็อกโกแลตไม่ได้เป็นอาหารต้องห้าม แต่ต้องรู้ว่าจะทานอย่างไรไม่ให้กลายเป็นพลังงานส่วนเกินที่สร้างปัญหาให้กับสุขภาพในอนาคต” นายสง่า กล่าว
นายสง่า กล่าวอีกว่า การรับประทานอาหารให้ถูกหลัก สามารถทำได้ง่ายๆ 4 ข้อ คือ 1.รับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ให้ 1 วันไม่ควรรับประทานช็อกโกแลต เกินกว่า 2 แท่ง 2.ควบคุมอาหารในมื้อหลัก หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้ง ไขมัน และน้ำตาลสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ รวมถึงขนมหวาน เช่น เค้ก ลูกอม 3.รับประทานผลไม้ควบคู่ไปด้วย เช่น แอปเปิล ฝรั่ง ส้มโอ ผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจัด ให้พลังงานต่ำ และมีใยอาหารสูง ซึ่งจะดูดซับเอาน้ำตาลส่วนเกินในร่างกายไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น และ 4.ออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกไป เช่น ช็อกโกแลต 1 แท่ง ต้องออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว 45 นาที หรือว่ายน้ำ 15 นาที ถึงจะเผาผลาญพลังงานได้หมด หากอยากให้ของขวัญในวันแห่งความรักและแสดงออกถึงความห่วงใยรักสุขภาพ อาจจะใช้แอปเปิลสีแดงสดปักธงเล็กๆ เขียนข้อความแสดงความรักแก่กัน เพราะแอปเปิลมีรูปทรงหัวใจอยู่แล้ว หรือจะเป็นกระเช้าสตรอเบอร์รีเล็กๆ ก็ได้