“นิด้าโพล” เผยวัยรุ่นไทยกว่า 27 เปอร์เซ็นต์คิดจะมีเซ็กซ์ในวันวาเลนไทน์ เพราะคำว่ารัก ขณะที่ 21 เปอร์เซ็นต์ยังไม่แน่ใจต้องขอดูบรรยากาศก่อน ส่วน 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ที่เหลือไม่มีแน่นอน
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “วาเลนไทน์ในสไตล์วัยรุ่นไทย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9-11 กุมภาพันธ์ 2556 จากเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ จำนวน 1,252 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกภูมิภาค เกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อวันวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
จากการสำรวจ พบว่า วัยรุ่นไทย ร้อยละ 52.64 ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ ในระดับปานกลาง เพราะมองว่าเป็นวัฒนธรรมของชาวตะวันตก ไม่ได้มีอะไรพิเศษ รองลงมา ร้อยละ 19.01 ระบุว่า ไม่มีความสำคัญ เพราะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น และยังโสด หรือไม่มีแฟน ร้อยละ 16.93 ให้ความสำคัญในระดับน้อย เพราะมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า เช่น การเรียน การทำงาน หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และร้อยละ 11.42 ให้ความสำคัญในระดับมาก เพราะถือว่า 1 ปี มีเพียงครั้งเดียว และเป็นโอกาสที่จะได้แสดงความรักต่อคนที่เรารัก
สำหรับสิ่งที่นึกถึงในวันวาเลนไทน์ พบว่า วัยรุ่นไทย ร้อยละ 36.98 จะนึกถึงดอกกุหลาบ ดอกไม้ รองลงมา ร้อยละ 15.65 นึกถึงแฟน ร้อยละ 14.86 นึกถึงความรัก การดูแลเอาใจใส่ สิ่งดีๆ ที่มีให้กัน ร้อยละ 7.91 นึกถึงช็อกโกแลต และร้อยละ 6.55 นึกถึงคนในครอบครัวอันเป็นที่รัก ได้แก่ พ่อ แม่ พี่ น้อง
ทั้งนี้ วัยรุ่นไทย ร้อยละ 64.22 ระบุว่า มีแฟนแล้ว และร้อยละ 35.78 ระบุว่า ยังไม่มีแฟน และเมื่อถามวัยรุ่นไทยที่มีแฟนเกี่ยวกับการตัดสินใจหากแฟนขอมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ พบว่า วัยรุ่นไทย ร้อยละ 36.32 คิดว่าจะไม่ให้ เพราะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ และยังไม่ถึงเวลาอันสมควร หากเป็นความรักจริงก็ต้องรอได้ รองลงมา ร้อยละ 27.36 คิดว่าจะให้ เพราะรักแฟน และเป็นความต้องการของแต่ละฝ่าย ร้อยละ 21.02 ไม่แน่ใจ เพราะขึ้นอยู่กับบรรยากาศและสภาพแวดล้อม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาแว มะแส อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้ทัศนะว่า ตัวเลขสัดส่วนของวัยรุ่นไทยที่ระบุว่าให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์นั้นถือว่าค่อนข้างสูง เป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากสื่อตะวันตก ขณะที่บางส่วนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าใด เนื่องจากในสังคมไทยยังไม่ค่อยกล้าที่จะแสดงออกในเรื่องของความรัก ทั้งนี้ สิ่งที่วัยรุ่นจะนึกถึงส่วนใหญ่ในวันวาเลนไทน์ นั่นคือ ดอกกุหลาบอันเป็นสัญลักษณ์ของความรักและเป็นความรักในเชิงชู้สาว หรือความรักจากเพศตรงข้ามมากกว่าที่จะเป็นคนรักในครอบครัวและความรักรองลงมานั้น ก็คงหนีไม่พ้นจากอิทธิวัฒนธรรมของชาวตะวันตก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเปิดเผยและมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสังคมวัฒนธรรมตะวันออกและบางศาสนาที่ยังคงมีข้อจำกัดอยู่และกลายเป็นประเด็นทั่วโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัดส่วนผู้ที่ตอบว่าจะยอมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ มีถึง ร้อยละ 27 ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วงในสังคมไทย แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจที่ยังมีวัยรุ่นไทยอีกบางส่วนที่จะปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ หากมองในแง่ดีแล้วอาจเป็นนิมิตรหมายอันดีที่แสดงให้เห็นถึงการรณรงค์ให้เด็กและเยาวชนเห็นคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาขนบธรรมเนียมอันดีงามของไทยไว้ได้ในระดับหนึ่ง
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “วาเลนไทน์ในสไตล์วัยรุ่นไทย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9-11 กุมภาพันธ์ 2556 จากเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ จำนวน 1,252 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกภูมิภาค เกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อวันวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
จากการสำรวจ พบว่า วัยรุ่นไทย ร้อยละ 52.64 ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ ในระดับปานกลาง เพราะมองว่าเป็นวัฒนธรรมของชาวตะวันตก ไม่ได้มีอะไรพิเศษ รองลงมา ร้อยละ 19.01 ระบุว่า ไม่มีความสำคัญ เพราะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น และยังโสด หรือไม่มีแฟน ร้อยละ 16.93 ให้ความสำคัญในระดับน้อย เพราะมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า เช่น การเรียน การทำงาน หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และร้อยละ 11.42 ให้ความสำคัญในระดับมาก เพราะถือว่า 1 ปี มีเพียงครั้งเดียว และเป็นโอกาสที่จะได้แสดงความรักต่อคนที่เรารัก
สำหรับสิ่งที่นึกถึงในวันวาเลนไทน์ พบว่า วัยรุ่นไทย ร้อยละ 36.98 จะนึกถึงดอกกุหลาบ ดอกไม้ รองลงมา ร้อยละ 15.65 นึกถึงแฟน ร้อยละ 14.86 นึกถึงความรัก การดูแลเอาใจใส่ สิ่งดีๆ ที่มีให้กัน ร้อยละ 7.91 นึกถึงช็อกโกแลต และร้อยละ 6.55 นึกถึงคนในครอบครัวอันเป็นที่รัก ได้แก่ พ่อ แม่ พี่ น้อง
ทั้งนี้ วัยรุ่นไทย ร้อยละ 64.22 ระบุว่า มีแฟนแล้ว และร้อยละ 35.78 ระบุว่า ยังไม่มีแฟน และเมื่อถามวัยรุ่นไทยที่มีแฟนเกี่ยวกับการตัดสินใจหากแฟนขอมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ พบว่า วัยรุ่นไทย ร้อยละ 36.32 คิดว่าจะไม่ให้ เพราะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ และยังไม่ถึงเวลาอันสมควร หากเป็นความรักจริงก็ต้องรอได้ รองลงมา ร้อยละ 27.36 คิดว่าจะให้ เพราะรักแฟน และเป็นความต้องการของแต่ละฝ่าย ร้อยละ 21.02 ไม่แน่ใจ เพราะขึ้นอยู่กับบรรยากาศและสภาพแวดล้อม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาแว มะแส อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้ทัศนะว่า ตัวเลขสัดส่วนของวัยรุ่นไทยที่ระบุว่าให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์นั้นถือว่าค่อนข้างสูง เป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากสื่อตะวันตก ขณะที่บางส่วนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าใด เนื่องจากในสังคมไทยยังไม่ค่อยกล้าที่จะแสดงออกในเรื่องของความรัก ทั้งนี้ สิ่งที่วัยรุ่นจะนึกถึงส่วนใหญ่ในวันวาเลนไทน์ นั่นคือ ดอกกุหลาบอันเป็นสัญลักษณ์ของความรักและเป็นความรักในเชิงชู้สาว หรือความรักจากเพศตรงข้ามมากกว่าที่จะเป็นคนรักในครอบครัวและความรักรองลงมานั้น ก็คงหนีไม่พ้นจากอิทธิวัฒนธรรมของชาวตะวันตก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเปิดเผยและมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสังคมวัฒนธรรมตะวันออกและบางศาสนาที่ยังคงมีข้อจำกัดอยู่และกลายเป็นประเด็นทั่วโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัดส่วนผู้ที่ตอบว่าจะยอมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ มีถึง ร้อยละ 27 ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วงในสังคมไทย แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจที่ยังมีวัยรุ่นไทยอีกบางส่วนที่จะปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ หากมองในแง่ดีแล้วอาจเป็นนิมิตรหมายอันดีที่แสดงให้เห็นถึงการรณรงค์ให้เด็กและเยาวชนเห็นคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาขนบธรรมเนียมอันดีงามของไทยไว้ได้ในระดับหนึ่ง