สสส.เตรียมเสนอ ก.คลังเก็บภาษีน้ำอัดลม พร้อมเดินหน้าโครงการโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม มั่นใจช่วยแก้ปัญหา ”เด็กอ้วน” ได้ ชี้ รบ.มีรายได้บริหารประเทศเพิ่มขึ้น
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาเด็กอ้วนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของประเทศไทย เพราะปัจจุบันมีตัวเลขเด็กอ้วนมากกว่าเด็กผอมถึง 3 เท่า ซึ่งการที่เด็กมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ในอนาคต เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น ทั้งนี้ สาเหตุที่เด็กมีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาจากหลายสาเหตุ เช่น สภาพแวดล้อม พฤติกรรมการบริโภคอาหาร ซึ่งพบว่าอัตราการการรับประทานผัก ผลไม้ของเด็กไทยอยู่ที่วันละ 1.2 ทัพพีเท่านั้น น้อยกว่าปริมาณมาตรฐานคือประมาณ 4 ทัพพีต่อวัน
รศ.ดร.วิลาสิณี กล่าวอีกว่า ในปี 2556 สสส.จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังตลอดทั้งปี โดยมีแนวทางที่จะเริ่มจากการศึกษาข้อมูลเพื่อเสนอให้มีการเพิ่มอัตราภาษีของน้ำอัดลม ซึ่งพบว่าในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ มีการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว และมีการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า มีส่วนช่วยแก้ปัญหาเด็กอ้วนได้ ในส่วนของไทยนั้นยอมรับว่าจะต้องมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้อย่างรอบคอบ เพราะในปัจจุบันน้ำอัดลมเป็นสินค้าควบคุม ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งในเบื้องต้นทาง สสส.ได้หารือกับกระทรวงการคลังแล้ว และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี พร้อมกันนี้ สสส.จะดำเนินการโครงการโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม 100% อย่างต่อเนื่องด้วย
“หากนำเรื่องสุขภาพของเด็กเป็นตัวตั้งแล้ว เชื่อว่า การเก็บภาษีน้ำอัดลมมีโอกาสเป็นไปได้สูง ประกอบกับยังมีผลศึกษาในต่างประเทศที่มีการศึกษาในเบื้องต้นแล้ว พบว่า ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องเด็กอ้วนได้ ขณะเดียวกัน ยังจะทำให้รัฐบาลมีรายได้ในการบริหารประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย” รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาเด็กอ้วนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของประเทศไทย เพราะปัจจุบันมีตัวเลขเด็กอ้วนมากกว่าเด็กผอมถึง 3 เท่า ซึ่งการที่เด็กมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ในอนาคต เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น ทั้งนี้ สาเหตุที่เด็กมีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาจากหลายสาเหตุ เช่น สภาพแวดล้อม พฤติกรรมการบริโภคอาหาร ซึ่งพบว่าอัตราการการรับประทานผัก ผลไม้ของเด็กไทยอยู่ที่วันละ 1.2 ทัพพีเท่านั้น น้อยกว่าปริมาณมาตรฐานคือประมาณ 4 ทัพพีต่อวัน
รศ.ดร.วิลาสิณี กล่าวอีกว่า ในปี 2556 สสส.จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังตลอดทั้งปี โดยมีแนวทางที่จะเริ่มจากการศึกษาข้อมูลเพื่อเสนอให้มีการเพิ่มอัตราภาษีของน้ำอัดลม ซึ่งพบว่าในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ มีการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว และมีการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า มีส่วนช่วยแก้ปัญหาเด็กอ้วนได้ ในส่วนของไทยนั้นยอมรับว่าจะต้องมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้อย่างรอบคอบ เพราะในปัจจุบันน้ำอัดลมเป็นสินค้าควบคุม ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งในเบื้องต้นทาง สสส.ได้หารือกับกระทรวงการคลังแล้ว และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี พร้อมกันนี้ สสส.จะดำเนินการโครงการโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม 100% อย่างต่อเนื่องด้วย
“หากนำเรื่องสุขภาพของเด็กเป็นตัวตั้งแล้ว เชื่อว่า การเก็บภาษีน้ำอัดลมมีโอกาสเป็นไปได้สูง ประกอบกับยังมีผลศึกษาในต่างประเทศที่มีการศึกษาในเบื้องต้นแล้ว พบว่า ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องเด็กอ้วนได้ ขณะเดียวกัน ยังจะทำให้รัฐบาลมีรายได้ในการบริหารประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย” รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว
