กลุ่มคนรักหลักประกันกว่า 30 คน รวมตัวใส่ชุดดำเข้ากดดัน เลขาฯ สปสช.แสดงจุดยืนป้องกันการเมืองแทรกแซงเลือกรองเลขาฯ สปสช.หวั่นคอร์รัปชันเชิงนโยบายเอื้อเอกชน
วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ประมาณ 30 คน นำโดย น.ส.สุภัทรา นาคะผิว โฆษกกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ แต่งกายชุดดำเดินทางเข้าพบ นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.เพื่อขอทราบแนวทางในการคัดเลือกตำแหน่งรองเลขาธิการ สปสช.เพิ่มเติมอีก 2 ตำแหน่ง ซึ่งกลุ่มคนรักหลักประกันฯ เกรงว่า จะมีฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงการดำเนินการคัดเลือก
น.ส.สุภัทรา กล่าวว่า ในการเลือกรองเลขาฯ สปสช.ทั้งสองตำแหน่ง นพ.วินัย สามารถดำเนินการได้เลย เพราะเป็นหน้าที่ของ นพ.วินัย โดยตรง การเดินทางมาเข้าพบในครั้งนี้ จึงอยากให้ นพ.วินัย ยึดหลักการที่เคยใช้ในการบริหารระบบหลักประกัน คือ ไม่ให้มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่จากการตรวจสอบประวัติผู้สมัครบางราย พบว่า มีความเชื่อมโยงกับฝ่ายการเมือง ซึ่งไม่มั่นใจว่า บุคคลเหล่านั้นจะเข้าใจระบบหลักประกันสุขภาพมากน้อยเพียงใด หากเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูง ก็จะเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นได้ชัดเจน เช่น การพยายามประสานประโยชน์และเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งอย่างที่ทราบว่านักการเมืองหลายคนมีหุ้นในโรงพยาบาลเอกชน อาจทำให้เกิดการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง
“ที่มีการเลื่อนการคัดเลือกออกไป อาจเป็นไปได้ว่ากำลังมีการต่อรองตำแหน่งซึ่งเดิมมีกระแสข่าวว่า จะให้คนนอกได้ทั้งสองตำแหน่ง แต่ที่มีการเลื่อนออกไป เพราะมีการต่อรองให้คนในได้รับหนึ่งตำแหน่งคนนอกหนึ่งตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็รับไม่ได้อยู่ดี และจะจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะตำแหน่งดังกล่าวมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประชาชน” น.ส.สุภัทรา กล่าว
นพ.วินัย กล่าวว่า การคัดเลือกรองเลขาธิการ มีความล่าช้าเนื่องจากตามกฎหมาย หนึ่งในคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นรองเลขาธิการ สปสช.จะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น จึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครทั้งหมด ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองหรือไม่ ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่า จะคัดเลือกตำแหน่งดังกล่าวแล้วเสร็จเมื่อใด ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบของกกต.ที่จะส่งกลับมายัง สปสช.อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกรองเลขาธิการ สปสช.เป็นกระบวนการภายในของ สปสช.ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารของคณะกรรมการกองทุน สปสช.
ต่อข้อถามที่ว่า มีผู้อำนวยการเขต สปสช.เซ็นหนังสือลาออกล่วงหน้า หากพบว่า การเลือกตั้งดังกล่าวมีฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง นพ.วินัย กล่าวว่า ยังไม่เห็นจดหมายลาออก และยังไม่มีใครส่งหนังสือมาถึงตนแต่อย่างใด ทั้งนี้ คงไม่มีใครอยากเห็นภาพเช่นนี้เกิดขึ้น แต่หากมีก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยถือเป็นเรื่องดีที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจในการเลือกตำแหน่งดังกล่าว แต่ขอให้เชื่อว่าการเลือกตั้งนั้นมีกติกา มีระบบตรวจสอบในการดำเนินการอยู่
“ตามกฎหมายการคัดเลือกตำแหน่งรองเลขาฯ เป็นบทบาทหน้าที่ของ สปสช.แต่ในการคัดเลือกครั้งนี้ ทำในรูปแบบของคณะกรรมการโดยมีคนภายในพิจารณาตัดสินซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนภายนอกเข้ามาสมัครได้ ซึ่งในหลายตำแหน่งก็เปิดรับคนภายนอก ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนในถึงจะทำงานได้ เพราะการบริหารเป็นเรื่องที่ต้องดูความสามารถเป็นหลัก ซึ่งผมเข้าในดีว่า คนที่จะมาทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้จะต้องดูความสามารถและประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำหน้าที่ด้วย” นพ.วินัย กล่าว
วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ประมาณ 30 คน นำโดย น.ส.สุภัทรา นาคะผิว โฆษกกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ แต่งกายชุดดำเดินทางเข้าพบ นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.เพื่อขอทราบแนวทางในการคัดเลือกตำแหน่งรองเลขาธิการ สปสช.เพิ่มเติมอีก 2 ตำแหน่ง ซึ่งกลุ่มคนรักหลักประกันฯ เกรงว่า จะมีฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงการดำเนินการคัดเลือก
น.ส.สุภัทรา กล่าวว่า ในการเลือกรองเลขาฯ สปสช.ทั้งสองตำแหน่ง นพ.วินัย สามารถดำเนินการได้เลย เพราะเป็นหน้าที่ของ นพ.วินัย โดยตรง การเดินทางมาเข้าพบในครั้งนี้ จึงอยากให้ นพ.วินัย ยึดหลักการที่เคยใช้ในการบริหารระบบหลักประกัน คือ ไม่ให้มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่จากการตรวจสอบประวัติผู้สมัครบางราย พบว่า มีความเชื่อมโยงกับฝ่ายการเมือง ซึ่งไม่มั่นใจว่า บุคคลเหล่านั้นจะเข้าใจระบบหลักประกันสุขภาพมากน้อยเพียงใด หากเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูง ก็จะเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นได้ชัดเจน เช่น การพยายามประสานประโยชน์และเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งอย่างที่ทราบว่านักการเมืองหลายคนมีหุ้นในโรงพยาบาลเอกชน อาจทำให้เกิดการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง
“ที่มีการเลื่อนการคัดเลือกออกไป อาจเป็นไปได้ว่ากำลังมีการต่อรองตำแหน่งซึ่งเดิมมีกระแสข่าวว่า จะให้คนนอกได้ทั้งสองตำแหน่ง แต่ที่มีการเลื่อนออกไป เพราะมีการต่อรองให้คนในได้รับหนึ่งตำแหน่งคนนอกหนึ่งตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็รับไม่ได้อยู่ดี และจะจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะตำแหน่งดังกล่าวมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประชาชน” น.ส.สุภัทรา กล่าว
นพ.วินัย กล่าวว่า การคัดเลือกรองเลขาธิการ มีความล่าช้าเนื่องจากตามกฎหมาย หนึ่งในคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นรองเลขาธิการ สปสช.จะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น จึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครทั้งหมด ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองหรือไม่ ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่า จะคัดเลือกตำแหน่งดังกล่าวแล้วเสร็จเมื่อใด ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบของกกต.ที่จะส่งกลับมายัง สปสช.อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกรองเลขาธิการ สปสช.เป็นกระบวนการภายในของ สปสช.ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารของคณะกรรมการกองทุน สปสช.
ต่อข้อถามที่ว่า มีผู้อำนวยการเขต สปสช.เซ็นหนังสือลาออกล่วงหน้า หากพบว่า การเลือกตั้งดังกล่าวมีฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง นพ.วินัย กล่าวว่า ยังไม่เห็นจดหมายลาออก และยังไม่มีใครส่งหนังสือมาถึงตนแต่อย่างใด ทั้งนี้ คงไม่มีใครอยากเห็นภาพเช่นนี้เกิดขึ้น แต่หากมีก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยถือเป็นเรื่องดีที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจในการเลือกตำแหน่งดังกล่าว แต่ขอให้เชื่อว่าการเลือกตั้งนั้นมีกติกา มีระบบตรวจสอบในการดำเนินการอยู่
“ตามกฎหมายการคัดเลือกตำแหน่งรองเลขาฯ เป็นบทบาทหน้าที่ของ สปสช.แต่ในการคัดเลือกครั้งนี้ ทำในรูปแบบของคณะกรรมการโดยมีคนภายในพิจารณาตัดสินซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนภายนอกเข้ามาสมัครได้ ซึ่งในหลายตำแหน่งก็เปิดรับคนภายนอก ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนในถึงจะทำงานได้ เพราะการบริหารเป็นเรื่องที่ต้องดูความสามารถเป็นหลัก ซึ่งผมเข้าในดีว่า คนที่จะมาทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้จะต้องดูความสามารถและประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำหน้าที่ด้วย” นพ.วินัย กล่าว
