ศธ.เดินหน้าต้านยาเสพติด ชูกลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญและยกให้การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ด้าน “พงศ์เทพ” ฝากผู้บริหาร ครูช่วยเป็นหูเป็นตา หากเจอปัญหาหนักเกินกำลังให้แจ้ง เพื่อประสานกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วย
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่หอประชุมโรงเรียนสตรีวิทยา นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติและมอบนโยบายป้องกันยาเสพติดแก่กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มบุคลากร และกลุ่มโรงเรียน จำนวน 518 รางวัล โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) และ นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ.เข้าร่วม
โดย นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญและกำหนดวาระแห่งชาติ เพราะยาเสพติดนั้นมีผลกระทบต่อคุณภาพของประชาชนและเป็นบ่อเกิดของปัญหาต่างๆ มากมาย และจากข้อมูลปัจจุบันปัญหายาเสพติดกลับมามีความรุนแรงมากขึ้น จึงจำเป็นที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมมือกันแก้ไขกันอย่างเต็มที่ ในส่วนของทางโรงเรียน ผู้บริหารและบุคลากรจะกำหนดมาตรการและวิธีป้องกัน ที่สำคัญจะต้องทำแบบจริงจัง เพราะถ้าหากสถานศึกษาไหนไม่ทำจริงจังก็จะเป็นช่องว่างให้กับกลุ่มบุคคลที่ต้องการหาประโยชน์จากการค้ายาเสพติดรวมถึงการเข้าไปหาผู้เสพเพิ่มในสถานศึกษา เพราะฉะนั้นในส่วนของสถานศึกษาต่างๆ บุคลากรจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด
“ฝากให้ ผอ.โรงเรียน ครู และบุคลากรของโรงเรียนทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตาติดตามตรวจสอบ เพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาอย่างเต็มที่ และหากมีข่าวหรือเบาะแสอะไรภายในสถานศึกษา หรือพบข้อมูลที่เป็นปัญหาหนักเกินกำลังที่โรงเรียนจะแก้ไขเองได้ขอให้แจ้งมายังตน หรือทาง รมช.ศึกษาธิการ เพื่อที่จะทำการประสานงานกับตำรวจหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI หาทางจัดการกับปัญหาที่พบ ขณะเดียวกันขอแสดงความชื่นชมหลายๆสถานศึกษาที่จัดกิจกรรมและมีการจัดการที่เป็นประโยชน์ ทำให้มั่นใจได้ว่าในสถานศึกษาไม่มีปัญหาเรื่องของยาเสพติด และเป็นแบบอย่างของสถานศึกษาอื่นต่อไป”นายพงศ์เทพ กล่าว
ด้านนายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติด จะต้องได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนโดยบูรณาการกัน ซึ่งยาเสพติดนั้นมีแต่โทษ ผู้ที่เสพไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น ร่างกายทรุดโทรม และสภาพจิตใจไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงอยากจะฝากให้ครูในสถานศึกาสอดส่องดูแลเด็กในสถานศึกษาเพื่อหาเด็กนักเรียนที่ติดยาเสพติดเพื่อนำไปบำบัด หาทางแก้ไขและหามาตรการป้องกันต่อไป และฝากถึงผู้ที่ปฏิบัติงานต่อสู้กับปัญหายาเสพติดต้องยึดหลัก กลั่นกรอง ข้อมูล อย่ากลั่นแกล้งกันเอง และอย่าเกรงกลัวต่ออันตราย หรือการขู่
ขณะที่ นางพนิตา กล่าวว่า ศธ.ได้จัดทำแผนปฏิบัติการปฏิบัติการพลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายสถานศึกษาเพื่อสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างเข้มแข็ง ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ คือ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันยาเสพติด เสริมสร้างเครือข่ายพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดในสถานศึกษา และเสริมสร้างจิตอาสาและพัฒนาคุณภาพ โดยมีกลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ คือ 1.สถานศึกษาต้องมีกลยุทธ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่สอดคล้องกับสภาพปัญหายาเสพติดและบริบทพื้นที่ 2. สถานศึกษาต้องมีแผนงานยาเสพติดในสถานศึกษาที่ชัดเจน 3.สถานศึกษาต้องพัฒนาระบบงานรองรับยุทธศาสตร์ 4 ระบบ คือ ป้องกัน เฝ้าระวัง ดูแลช่วยเหลือ และบริหารจัดการ 4.สถานศึกษาต้องมีเครือข่ายการทำงานระหว่างนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน และ 2 ไม่ คือ สถานศึกษาไม่ปกปิดข้อมูล กลุ่มเสพ กลุ่มติด กลุ่มค้ายา และไม่ผลักปัญหา ไม่ไล่นักเรียนออกจากสถานศึกษา แต่ต้องนำไปบำบัดรักษาแล้วกลับมาเรียนใหม่ได้ ทั้งนี้ โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติด ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักการประสานงานและหลัก 5 มาตรการ ได้แก่ ป้องกัน ค้นหา รักษา เฝ้าระวัง และบริหารจัดการ ภายใต้กลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่หอประชุมโรงเรียนสตรีวิทยา นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติและมอบนโยบายป้องกันยาเสพติดแก่กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มบุคลากร และกลุ่มโรงเรียน จำนวน 518 รางวัล โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) และ นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ.เข้าร่วม
โดย นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญและกำหนดวาระแห่งชาติ เพราะยาเสพติดนั้นมีผลกระทบต่อคุณภาพของประชาชนและเป็นบ่อเกิดของปัญหาต่างๆ มากมาย และจากข้อมูลปัจจุบันปัญหายาเสพติดกลับมามีความรุนแรงมากขึ้น จึงจำเป็นที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมมือกันแก้ไขกันอย่างเต็มที่ ในส่วนของทางโรงเรียน ผู้บริหารและบุคลากรจะกำหนดมาตรการและวิธีป้องกัน ที่สำคัญจะต้องทำแบบจริงจัง เพราะถ้าหากสถานศึกษาไหนไม่ทำจริงจังก็จะเป็นช่องว่างให้กับกลุ่มบุคคลที่ต้องการหาประโยชน์จากการค้ายาเสพติดรวมถึงการเข้าไปหาผู้เสพเพิ่มในสถานศึกษา เพราะฉะนั้นในส่วนของสถานศึกษาต่างๆ บุคลากรจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด
“ฝากให้ ผอ.โรงเรียน ครู และบุคลากรของโรงเรียนทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตาติดตามตรวจสอบ เพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาอย่างเต็มที่ และหากมีข่าวหรือเบาะแสอะไรภายในสถานศึกษา หรือพบข้อมูลที่เป็นปัญหาหนักเกินกำลังที่โรงเรียนจะแก้ไขเองได้ขอให้แจ้งมายังตน หรือทาง รมช.ศึกษาธิการ เพื่อที่จะทำการประสานงานกับตำรวจหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI หาทางจัดการกับปัญหาที่พบ ขณะเดียวกันขอแสดงความชื่นชมหลายๆสถานศึกษาที่จัดกิจกรรมและมีการจัดการที่เป็นประโยชน์ ทำให้มั่นใจได้ว่าในสถานศึกษาไม่มีปัญหาเรื่องของยาเสพติด และเป็นแบบอย่างของสถานศึกษาอื่นต่อไป”นายพงศ์เทพ กล่าว
ด้านนายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติด จะต้องได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนโดยบูรณาการกัน ซึ่งยาเสพติดนั้นมีแต่โทษ ผู้ที่เสพไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น ร่างกายทรุดโทรม และสภาพจิตใจไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงอยากจะฝากให้ครูในสถานศึกาสอดส่องดูแลเด็กในสถานศึกษาเพื่อหาเด็กนักเรียนที่ติดยาเสพติดเพื่อนำไปบำบัด หาทางแก้ไขและหามาตรการป้องกันต่อไป และฝากถึงผู้ที่ปฏิบัติงานต่อสู้กับปัญหายาเสพติดต้องยึดหลัก กลั่นกรอง ข้อมูล อย่ากลั่นแกล้งกันเอง และอย่าเกรงกลัวต่ออันตราย หรือการขู่
ขณะที่ นางพนิตา กล่าวว่า ศธ.ได้จัดทำแผนปฏิบัติการปฏิบัติการพลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายสถานศึกษาเพื่อสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างเข้มแข็ง ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ คือ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันยาเสพติด เสริมสร้างเครือข่ายพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดในสถานศึกษา และเสริมสร้างจิตอาสาและพัฒนาคุณภาพ โดยมีกลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ คือ 1.สถานศึกษาต้องมีกลยุทธ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่สอดคล้องกับสภาพปัญหายาเสพติดและบริบทพื้นที่ 2. สถานศึกษาต้องมีแผนงานยาเสพติดในสถานศึกษาที่ชัดเจน 3.สถานศึกษาต้องพัฒนาระบบงานรองรับยุทธศาสตร์ 4 ระบบ คือ ป้องกัน เฝ้าระวัง ดูแลช่วยเหลือ และบริหารจัดการ 4.สถานศึกษาต้องมีเครือข่ายการทำงานระหว่างนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน และ 2 ไม่ คือ สถานศึกษาไม่ปกปิดข้อมูล กลุ่มเสพ กลุ่มติด กลุ่มค้ายา และไม่ผลักปัญหา ไม่ไล่นักเรียนออกจากสถานศึกษา แต่ต้องนำไปบำบัดรักษาแล้วกลับมาเรียนใหม่ได้ ทั้งนี้ โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติด ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักการประสานงานและหลัก 5 มาตรการ ได้แก่ ป้องกัน ค้นหา รักษา เฝ้าระวัง และบริหารจัดการ ภายใต้กลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่
