กรมศิลป์เร่งบูรณะกลีบบัวยอดพระธาตุเมืองคอน มีน้ำซึม เผย บูรณะหลังคา จิตรกรรมฝาผนัง และกุฏิไม้ทรงปั้นหยา 4 หลัง วัดโคกมะเฟือง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เสร็จแล้ว
นายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานบูรณะโบราณสถานพื้นที่ภาคใต้ โดยเริ่มจาก วัดคูเต่า อ.บางกล่ำ จ. สงขลา ซึ่งได้รับรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2011 จาก ยูเนสโก เนื่องจากมีการบูรณะแบบมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ แสดงให้เห็นถึงหวงแหน และความภาคภูมิใจในโบราณสถานในพื้นที่ โดยพบว่า วัดคูเต่า ตั้งอยู่ติดกับคลองอู่ตะเภา เมื่อช่วงฝนตกหนัก ทำให้น้ำไหลท่วมโบราณสถาน จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้น กรมศิลปากร จึงได้ใช้งบเหลือจ่ายมาใช้ในการบูรณะ โดยการจัดทำระบบระบายน้ำใต้ดิน เพื่อให้น้ำไหลลงสู่ลำคลองทางด้านหลังของวัด นอกจากนี้ ยังได้มีการบูรณะจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นฝีมือช่างพื้นถิ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะ ในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งได้เลือนหายไปให้สมบูรณ์ดังเดิม รวมทั้งมีการบูรณะศาลาไม้ทรงไทยแบบภาคใต้อายุกว่า 100 ปี เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ในขณะนี้ยังเหลือการบูรณะอุโบสถ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2445 ซึ่งพบว่า ผนังอุโบสถ มีเชื้อราขึ้นจำนวนมาก เนื่องจากความชื้น หลังคารั่ว โดยกรมศิลปากร จะจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลของจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถทั้งหมด ก่อนที่จะทำการบูรณะและผนึกสีให้แข็งแรงขึ้น โดยคาดว่าจะใช้งบบูรณะ 6-7 ล้านบาท
ส่วนการบูรณะวัดโคกมะเฟือง อ.ตากใบ จ. นราธิวาส ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยได้บูรณะหลังคา จิตกรรมฝาผนัง และกุฏิไม้สถาปัตยกรรมไทยทรงปั้นหยา 4 หลัง อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า จะต้องมีการบูรณะเพิ่มเติมที่ พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช จ. นครศรีธรรมราช เนื่องจากการตรวจสอบโดยใช้กล้องส่องทางไกล พบว่า บริเวณกลีบบัว ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยอดพระบรมธาตุ มีความชื้นทำให้แผ่นทองมีน้ำซึมออกมา เกรงว่าหากปล่อยไว้ จะทำให้เกิดเชื้อราได้ ตนจึงมอบหมายให้สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช เร่งบูรณะแล้ว แต่จะต้องรอให้ผ่านหน้าฝนไปก่อน
นายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานบูรณะโบราณสถานพื้นที่ภาคใต้ โดยเริ่มจาก วัดคูเต่า อ.บางกล่ำ จ. สงขลา ซึ่งได้รับรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2011 จาก ยูเนสโก เนื่องจากมีการบูรณะแบบมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ แสดงให้เห็นถึงหวงแหน และความภาคภูมิใจในโบราณสถานในพื้นที่ โดยพบว่า วัดคูเต่า ตั้งอยู่ติดกับคลองอู่ตะเภา เมื่อช่วงฝนตกหนัก ทำให้น้ำไหลท่วมโบราณสถาน จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้น กรมศิลปากร จึงได้ใช้งบเหลือจ่ายมาใช้ในการบูรณะ โดยการจัดทำระบบระบายน้ำใต้ดิน เพื่อให้น้ำไหลลงสู่ลำคลองทางด้านหลังของวัด นอกจากนี้ ยังได้มีการบูรณะจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นฝีมือช่างพื้นถิ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะ ในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งได้เลือนหายไปให้สมบูรณ์ดังเดิม รวมทั้งมีการบูรณะศาลาไม้ทรงไทยแบบภาคใต้อายุกว่า 100 ปี เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ในขณะนี้ยังเหลือการบูรณะอุโบสถ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2445 ซึ่งพบว่า ผนังอุโบสถ มีเชื้อราขึ้นจำนวนมาก เนื่องจากความชื้น หลังคารั่ว โดยกรมศิลปากร จะจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลของจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถทั้งหมด ก่อนที่จะทำการบูรณะและผนึกสีให้แข็งแรงขึ้น โดยคาดว่าจะใช้งบบูรณะ 6-7 ล้านบาท
ส่วนการบูรณะวัดโคกมะเฟือง อ.ตากใบ จ. นราธิวาส ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยได้บูรณะหลังคา จิตกรรมฝาผนัง และกุฏิไม้สถาปัตยกรรมไทยทรงปั้นหยา 4 หลัง อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า จะต้องมีการบูรณะเพิ่มเติมที่ พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช จ. นครศรีธรรมราช เนื่องจากการตรวจสอบโดยใช้กล้องส่องทางไกล พบว่า บริเวณกลีบบัว ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยอดพระบรมธาตุ มีความชื้นทำให้แผ่นทองมีน้ำซึมออกมา เกรงว่าหากปล่อยไว้ จะทำให้เกิดเชื้อราได้ ตนจึงมอบหมายให้สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช เร่งบูรณะแล้ว แต่จะต้องรอให้ผ่านหน้าฝนไปก่อน