แนะ กทม.ทำหลักสูตรดับเพลิงเบื้องต้น-เปิด ร.ร.ฝึกหัดนักดับเพลิง

สภา กทม.แนะ กทม.ทำหลักสูตรดับเพลิงเบื้องต้น บรรจุในสถานศึกษา พร้อมเปิดโรงเรียนฝึกนักดับเพลิงที่มีมาตรฐาน

วันนี้ (16 ม.ค.) ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) มีนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 (ครั้งที่ 2) ประจำปี พ.ศ.2556 โดยในที่ประชุม นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตจอมทอง ได้เสนอญัตติขอให้กรุงเทพมหานคร สนับสนุนอุปกรณ์ความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่นักดับเพลิง ซึ่งการเกิดอัคคีภัยก่อความเสียหายหลายด้าน มีผลกระทบต่ออาคารสถานที่ สภาพแวดล้อม เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนไม่น้อย ฉะนั้น การดำเนินภารกิจด้านอัคคีภัยอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วของนักดับเพลิง จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะลดความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และก่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด แต่ปัจจุบันอุปกรณ์ดับเพลิง รวมถึงชุดผจญเพลิงและเครื่องป้องกันอันตรายในการเผชิญเหตุ ระงับเหตุดับเพลิงขาดแคลน เสื่อมประสิทธิภาพ เกิดการชำรุดทรุดโทรมไม่สามารถป้องกันอันตรายจากการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของนักดับเพลิงได้ ทั้งนี้ ผู้บริหาร กทม.ควรสนับสนุนอุปกรณ์ความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่นักดับเพลิง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเข้าเผชิญเหตุ ระงับเหตุดับเพลิง และเกิดความปลอดภัยต่อชีวิตนักดับเพลิง นอกจากนี้ กทม.ควรพิจารณาจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปใช้ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก และควรมีห้องควบคุมศูนย์กลางเพื่อรับแจ้งเหตุ และประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่หากเกิดเพลิงไหม้ขึ้น

ทั้งนี้ ในที่ประชุมสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันอภิปรายอย่างกว้างขวางถึงงบประมาณในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อาทิ ชุดดับเพลิง อุปกรณ์ดับเพลิง พาหนะต่างๆ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้บริหารควรให้ความสำคัญ เพราะเป็นหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยในอนาคต กทม.ควรมีหลักสูตรการดับเพลิงเบื้องต้นอยู่ในสถาบันการศึกษาในสังกัด กทม.รวมถึงเปิดโรงเรียนฝึกนักดับเพลิงที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ถึงวิธีป้องกันและระงับเหตุเพลิงไหม้ ทั้งนี้ ผู้บริหารควรกำหนดยุทธศาสตร์ในการปฏิบัติงานและแผนแม่บทในการรองรับเหตุวาตภัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ด้านนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม.กล่าวว่า สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ถือเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 50 เขต โดยปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่นักดับเพลิงอยู่ 1,839 คน มีสถานีดับเพลิงหลัก และสถานีดับเพลิงย่อย จำนวน 50 สถานี ทั้งนี้ ผู้บริหาร กทม.ยังได้เร่งพิจารณาจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ ชุดดับเพลิงภายในอาคาร และนอกอาคาร ทดแทนในส่วนที่ชำรุดและยังขาดแคลน รวมทั้งพิจารณาจัดสรรงบประมาณปรับปรุงสถานีและบ้านพักของนักดับเพลิง อีกทั้งสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ผู้บริหารจะนำข้อสังเกตของสมาชิกสภา กทม.ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเพิ่มหลักสูตรนักดับเพลิงในโรงเรียนสังกัด กทม. รวมทั้งการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์เพื่อให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีศักยภาพในปฏิบัติงานสมกับเป็นมหานครของประเทศไทยต่อไป