“พงศ์เทพ” ถามราชบัณฑิตไขข้อข้องใจความหมาย “ตีนผม” ที่ระบุในกฎกระทรวง ปี 2518 หมายถึงผมด้านหลังบนคอ หรือ ผมรองทรง ไม่ใช่การไถเกรียน ยัน ร.ร.ต้องให้สิทธิ นร.ผู้ปกครองมีสิทธิเลือกเอง ไม่ใช่ ร.ร.กำหนด เตรียมรวมความคิดเห็นนำไปทบทวนก่องออกกฎกระทรวงฉบับใหม่ ด้าน “ชินภัทร” ชี้ กรณีเด็กเลือกเรียน ร.ด.ต้องปฏิบัติตามระเบียบทหาร ขณะที่ “เสฏฐวุฒิ” ประธานสภา นร.ปี 56 ไม่ค้าน แต่ขอให้มีการควบคุมดูแลเด็กไว้ผมให้เหมาะสมกับวัยด้วย และไม่เห็นด้วยถ้าจะหากจะมีการอนุญาตทำสีผมได้ รับห่วงการที่เด็กดูหนุ่มสาวเร็วขึ้น อาจก่อเกิดปัญหาท้องก่อนวัยอันควรได้
วันนี้ (11 ม.ค.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้าในการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับแบบทรงผมของนักเรียน ว่า กฎกระทรวงที่ใช้ในขณะนี้ คือ กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2518) ในกรณีนักเรียนชาย ระบุว่า ให้ไว้ผมยาวไม่เกินตีนผม โดยเมื่อช่วงเช้าตนได้ประชุมร่วมกับราชบัณฑิตยสถานจึงได้สอบถามความหมายของคำว่า “ตีนผม” ซึ่งได้รับคำอธิบายว่า คือ ผมด้านหลังที่อยู่บนคอ เพราะฉะนั้นแสดงว่าการไถเกรียนด้านข้างไม่ใช่แน่นอน แต่ถ้าหากพูดว่า “ผมรองทรง” คือใช่แน่นนอนเพราะผมจะยาวไม่เกินตีนผม ส่วนกรณีนักเรียนหญิงก็ให้ไว้ผมสั้น หรือถ้าไว้ผมยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อยขึ้นอยู่กับทางโรงเรียน ซึ่งจุดนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ บอกว่า หากปล่อยเช่นนี้โรงเรียนก็ไปกำหนดเอง เกิดความลักลั่น ดังนั้น ศธ.จึงจะแจ้งไปยังโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างการไว้ผมของนักเรียนชายและหญิง ซึ่งให้นักเรียนเป็นผู้เลือกเอง ไม่ใช่โรงเรียนไปกำหนด ซึ่งการชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อให้เกิดการปฏิบัติเป็นแบบอย่างเดียวกันทั่วประเทศจะดีกว่า และจะไม่ขัดกับที่คณะกรรมการสิทธิฯ ถ้วงติงมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2518) ระบุถึงการไว้หนวดเคราของนักเรียนชาย หรือการใช้เครื่องสำอางของนักเรียนหญิงนั้น ตรงนี้ในการยกร่างกฎกระทรวงใหม่ จะมีการยกเลิกข้อความดังกล่าวนี้หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ในส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้อง เพราะขณะนี้เราพูดกันแต่เรื่องทรงผมเท่านั้น ข้อห้ามเรื่องการไว้หนวด ไว้เครา หรือการใช้เครื่องสำอางยังคงไว้ตามกฎกระทรวงเดิม ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของทรงผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ ศธ.กำลังทำความเข้าใจ
“ที่ผ่านมานั้น โรงเรียนยังเข้าใจว่า การไว้ทรงผมตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2518) นั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่เข้าใจ ที่บอกว่า ผมยาวไม่ถึงตีนผมหมายถึงอะไร และเราก็ชี้ให้เห็นว่าหมายถึงอะไร ขณะเดียวกัน ผมก็ไปถามความหมายราชบัณฑิตมาแล้วว่าหมายถึงผมด้านหลังที่อยู่บนคอ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ต้องไถข้างเกรียน หลังเกรียน ซึ่งเด็กคนไหนหรือผู้ปกครองต้องการไว้ผมสั้นเอง ก็เป็นสิทธิและเสรีภาพ เด็กหลายคนอาจจะต้องการโกนหัวก็ไม่ว่ากัน แต่หากเด็กต้องการไว้ผมรองทรงก็เป็นสิทธิและเสรีภาพของเขาและถูกต้องตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2518) ทั้งนี้ ศธ.กำลังพิจารณายกร่างกฎกระทรวงในเรื่องดังกล่าวใหม่ โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย รวมทั้งการให้ความเห็นที่มีการแสดงในช่วงเวลานี้ด้วย ซึ่งคณะทำงานปรับปรุงกฎกระทรวงจะรวบรวมนำไปทบทวนก่อนออกเป็นกฎกระทรวงฉบับต่อไป” นายพงศ์เทพ กล่าว
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องดีที่ ศธ.ให้อิสรภาพในการไว้ผมนักเรียนมากขึ้น แต่การเปิดอิสรภาพนั้น ก็หมายความว่า โรงเรียนจะต้องมีแนวปฏิบัติต่างๆ ควบคุมดูแลไม่ให้การไว้ทรงผมนักเรียนเป็นแฟชั่นมากเกินไป ซึ่งต้องวางกรอบของความเป็นนักเรียนด้วย และเด็กต้องมีความประพฤติที่เรียบร้อยและให้ความเคารพต่อสถานที่ แต่เชื่อว่า ประเด็นเหล่านี้ทางโรงเรียนจะต้องกำกับดูแลอยู่แล้ว เพราะบางครั้งเด็กต้องตัดผมเกรียนอาจเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเหมือนถูกกดดัน สำหรับนักเรียนที่เรียนหลักสูตรวิชาทหารรักษาดินแดน หรือ ร.ด.ก็ยังมีกฎเกณฑ์อยู่ ดังนั้น นักเรียนต้องเข้าใจระเบียบวินัยทางทหารเป็นเรื่องที่ต้องถือปฏิบัติตามด้วย
ด้าน นายเสฏฐวุฒิ ตั้งสถิตพร นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนหนองฉางวิทยา จ.อุทัยธานี ในประธานสภานักเรียน ประจำปี 2556 กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าจะตัดผมทรงไหนก็คงไม่ทำให้นักเรียนเรียนดีขึ้นหรือแย่ลง ซึ่งตนคงไม่คัดค้านในเรื่องนี้ การไว้ผมทรงไหนก็ควรจะให้เด็กเป็นคนตัดสินใจเอง เพราะบางคนที่หน้าตาดีตัดผมทรงสั้นเกรียนก็ดูไม่น่าเกลียด แต่สำหรับคนที่ตัดแล้วดูไม่ดี ก็อาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจเด็กได้ เพียงแต่คิดว่ายังคงจะต้องมีกฎระเบียบคอยดูแลในเรื่องความเหมาะสม เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ดูโตเกินวัย ส่วนที่จะให้ถึงขั้นทำสีผม หรือไว้ทรงอะไรก็ได้นั้น ก็ไม่เห็นด้วยแน่นอน เพราะจะดูเป็นหนุ่มเป็นสาวเกินวัย ไม่ใช่เด็กวัยเรียน
“การยกเลิกให้นักเรียนชายตัดผมสั้นเกรียน และให้นักเรียนหญิงไว้ผมยาวนั้น แม้จะทำให้เด็กดูดีขึ้นทั้งหญิงและชาย แต่ก็ทำให้ดูเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วขึ้นเช่นกัน ซึ่งผมอยากให้ระวังว่าจะมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ฉันชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง และอาจจะทำให้ปัญหาท้อง แท้ง ทิ้ง เพราะที่ผ่านมา ปัญหาดังกล่าวก็เกิดกับเด็กวัยเรียนมากอยู่แล้ว อยากให้ผู้ใหญ่หาทางป้องเรื่องดังกล่าวไว้ด้วย” นายเสฏฐวุฒิ กล่าว