xs
xsm
sm
md
lg

จี้ รัฐบาลนำร่างกรอบเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ถามความเห็นก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอฟทีเอ ว็อทช์ จี้รัฐบาลนำร่างกรอบเจรจาอียู รับฟังความคิดเห็นก่อนเข้าสภา เตือนอาจเสี่ยงผิด รธน.

นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างกรอบเจรจาเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาทันทีที่เปิดสมัยประชุมนิติบัญญัติ 21 ธ.ค.นี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยร่างกรอบฯต่อสาธารณชน และยังไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นในร่างกรอบ หากรัฐบาลไม่จัดรับฟังความคิดเห็นร่างกรอบอาจเสี่ยงต่อการผิดรัฐธรรมนูญ

“นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์จะนำร่างกรอบเจรจารับฟังความเห็นก่อนเข้ารัฐสภา เพราะตามมาตรา 190 วรรค 2 ระบุให้รัฐต้องให้ข้อมูลและรับฟังความคิดเห็น ซึ่งการจัดเวทีของกระทรวงพาณิชย์ที่ผ่านมา ไม่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้มีความพยายามรวบรัดเพื่อสนองฝ่ายธุรกิจ ทางเอฟทีเอ ว็อทช์ ขอเสนอให้รัฐบาลทำเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ มิเช่นนั้นอาจตกหลุมความเสี่ยงผิดรัฐธรรมนูญอีก จึงควรเปิดร่างกรอบฯให้สาธารณะให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐสภา ทั้งนี้ การจัดรับฟังความเห็นกรอบการเจรจาดังกล่าว จะไม่ทำให้กระบวนการโดยรวมล่าช้าออกไปแต่อย่างใด” นายจักรชัย กล่าวและว่า ขณะเดียวกัน ทางเอฟทีเอ ว็อทช์ จะไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะให้เสนอรัฐสภา โดยไม่เคยนำร่างกรอบไปรับฟังความคิดเห็น

ด้าน น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล สมาชิกเอฟทีเอ ว็อทช์ เสริมว่า ขณะนี้ทางทีมวิชาการกำลังเร่งจัดทำเอกสารให้กับสมาชิกรัฐสภา เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเจรจาเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปและผลกระทบ ที่อาจจะเกิดขึ้น “เราไม่อาจปล่อยให้กระทรวงพาณิชย์ให้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียวได้ เพราะจากข้อมูลที่เข้าที่ประชุม ครม.พบว่า มีการพยายามสร้างตัวเลขความเสียหายหากไม่มีการเจรจาเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปอย่างเกินจริง ขณะที่ประเด็นผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและสังคมกลับไม่แจกแจงให้ ผู้มีอำนาจตัดสินใจเห็นอย่างชัดเจนเพียงพอ”

สมาชิกเอฟทีเอ ว็อทช์ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หัวข้อในร่างกรอบเจรจาไม่มีการบรรจุเรื่องแรงงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหัวข้อที่ภาคธุรกิจไม่ยอมเจรจา ทั้งๆ ที่การเจรจาในประเด็นนี้จะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานแรงงาน และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น

“นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเจรจาไม่สามารถเจรจาประเด็นที่ฝ่ายไทยไม่ต้องการได้ เมื่อภาคธุรกิจไม่อยากเจรจารัฐบาลรับฟัง แต่เหตุใดข้อห่วงกังวลของประชาชนที่ว่า การเจรจาเอฟทีเอกับอียูจะทำให้ยาแพง ทำลายระบบหลักประกันสุขภาพ เพิ่มนักดื่มแอลกอฮอล์หน้าใหม่ และบ่อนทำลายนโยบายสาธารณะ กลับไม่ถูกรับฟัง” น.ส.กรรณิการ์ กล่าว

ทั้งนี้ บ่ายวันที่ 11 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนจะพิจารณาข้อร้องเรียนของเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯและพวกที่ร้องว่า การเร่งเจรจาเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
กำลังโหลดความคิดเห็น