เผยรายได้เฉลี่ยหมอนวดไทยอยู่ที่ 500 บาทต่อคนต่อวัน สูงกว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ของรัฐบาล สร้างรายได้ให้ประเทศอย่างน้อย 1 พันล้านบาทต่อปี จ่อใช้ “นวดไทย” สร้างเอกลักษณ์แทน “ไทยมาสสาจ” หลังสื่อไปในทางค้าประเวณี
วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นพ.สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวภายหลังการเป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่หมอนวดไทยที่ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับผู้ให้บริการนวดไทย รุ่นที่ 1 ว่า กรมฯได้รับอนุมัติหลักสูตรการนวดไทย จำนวน 6 หลักสูตร ได้แก่ นวดเท้าเพื่อสุขภาพ 60 ชั่วโมง นวดไทยเพื่อสุขภาพสำหรับผู้พิการทางสายตา 225 ชั่วโมง ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย 372 ชั่วโมง และหลักสูตรวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประเภทการนวดไทย 1,300 ชั่วโมง ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 จนถึงปัจจุบัน กรมฯผลิตหมอนวดเข้าสู่ตลาดแรงงานรวมจำนวน 23,236 คน และยังมีในส่วนของสถาบันการศึกษาต่างๆ อีกไม่ตำกว่า 100,000 คน โดยปกติทั่วไปรายได้ของหมอนวดตกเฉลี่ยวันละไม่น้อยกว่า 500 บาทต่อคน คิดเป็นรายได้หมอนวดจำนวน 10,000 คนจะสร้างรายได้ ได้วันละ 4-5 ล้านบาท หรือเดือนละ 140-150 ล้านบาท และคิดเป็นปีจะมีรายได้สูงถึงปีละกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งก็ทำให้เป็นช่องทางกิจการหนึ่งที่สร้างรายได้ และนำไปสู่กิจกรรมแอบแฝง
นพ.สมชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 จะต้องมีการสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์เชิงบวกแก่วิชาชีพนวดไทย โดยกรมฯได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับผู้ให้บริการนวดไทย เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ภาษาอังกฤษแก่หมอนวดไทยทั้งหมด 7 รุ่น รุ่นละ 60 คน รวม 420 คน การอบรมเน้นความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติโดยให้ฝึกสนทนาในสถานการณ์จริง และเป็นการนำร่องและประเมินผลการจัดการ เพื่อขยายผลต่อไปในวงกว้าง นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำและเพิ่มเติมในเรื่องจรรยาบรรณของการเป็นหมอนวดที่ดีและการปฏิบัติตัวอย่างมีศักดิ์ศรีเหมาะสมกับอาชีพ ที่ถือเป็นมรดกไทย เช่น การระลึกถึงครูบาอาจารย์ การไหว้ครูนวดไทยก่อนการให้บริการ รวมถึงการรู้จักที่จะสื่อสารเพื่อปฏิเสธในภาวะฉุกเฉินหากมีการถูกลวนลาม
“จากการสอบถามข้อมูลความต้องการไปทำงานในต่างประเทศของหมอนวดไทย จำนวน 215 คน พบว่า หมอนวดไทยต้องการไปทำงานต่างประเทศ เพราะคาดหวังค่าตอบแทนสูง แต่ประสบปัญหาเรื่องการสื่อสารภาษา และขั้นตอนการติดต่อขอไปทำงานในต่างประเทศ ส่วนใหญ่หมอนวดที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศจะถูกชักชวนจากเพื่อนฝูงหรือนายหน้า มีเพียงจำนวนน้อยที่ผ่านขั้นตอนถูกต้องจากกรมการจัดหางาน ซึ่งเมื่อมีการเปิดตลาดอาเซียน กลุ่มบุคลากรเหล่านี้จะมีโอกาสเดินทางไปสร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น แต่หมอนวดไทยต้องมีความพร้อมเรื่องภาษาและวิชาการจริงๆ” อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าว
นพ.สมชัย กล่าวด้วยว่า การนวดไทยจะมีท่าทางที่ต้องสัมผัสร่างกายของผู้รับบริการ จึงเป็นช่องทางให้บริการนวดไทยถูกกลุ่มขายบริการทางเพศ มักนำไปเป็นช่องทางทำมาหากินแอบแฝงเพื่อค้าประเวณีได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียต่อไทยเป็นอย่างมาก สำหรับการป้องกันจะต้องมีการสร้างมาตรฐาน เช่น เสริมคุณภาพ สร้างแบรนด์ โลโก้ให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อภาษาอังกฤษของนวดไทย จากไทยมาสสาจ (Thai Massage) เป็นใช้คำทับศัพท์ว่า นวดไทย เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย อีกทั้ง คำว่าไทย มาสสาจจะสื่อถึงไปในทางเพศ แต่หากเป็นนวดไทยจะหมายถึงการนวดไทยอย่างแท้จริง รวมไปถึงเน้นย้ำผู้เข้ารับอบรมในเรื่อง จรรยาบรรณและศักดิ์ศรีของอาชีพด้วย
วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นพ.สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวภายหลังการเป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่หมอนวดไทยที่ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับผู้ให้บริการนวดไทย รุ่นที่ 1 ว่า กรมฯได้รับอนุมัติหลักสูตรการนวดไทย จำนวน 6 หลักสูตร ได้แก่ นวดเท้าเพื่อสุขภาพ 60 ชั่วโมง นวดไทยเพื่อสุขภาพสำหรับผู้พิการทางสายตา 225 ชั่วโมง ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย 372 ชั่วโมง และหลักสูตรวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประเภทการนวดไทย 1,300 ชั่วโมง ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 จนถึงปัจจุบัน กรมฯผลิตหมอนวดเข้าสู่ตลาดแรงงานรวมจำนวน 23,236 คน และยังมีในส่วนของสถาบันการศึกษาต่างๆ อีกไม่ตำกว่า 100,000 คน โดยปกติทั่วไปรายได้ของหมอนวดตกเฉลี่ยวันละไม่น้อยกว่า 500 บาทต่อคน คิดเป็นรายได้หมอนวดจำนวน 10,000 คนจะสร้างรายได้ ได้วันละ 4-5 ล้านบาท หรือเดือนละ 140-150 ล้านบาท และคิดเป็นปีจะมีรายได้สูงถึงปีละกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งก็ทำให้เป็นช่องทางกิจการหนึ่งที่สร้างรายได้ และนำไปสู่กิจกรรมแอบแฝง
นพ.สมชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 จะต้องมีการสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์เชิงบวกแก่วิชาชีพนวดไทย โดยกรมฯได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับผู้ให้บริการนวดไทย เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ภาษาอังกฤษแก่หมอนวดไทยทั้งหมด 7 รุ่น รุ่นละ 60 คน รวม 420 คน การอบรมเน้นความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติโดยให้ฝึกสนทนาในสถานการณ์จริง และเป็นการนำร่องและประเมินผลการจัดการ เพื่อขยายผลต่อไปในวงกว้าง นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำและเพิ่มเติมในเรื่องจรรยาบรรณของการเป็นหมอนวดที่ดีและการปฏิบัติตัวอย่างมีศักดิ์ศรีเหมาะสมกับอาชีพ ที่ถือเป็นมรดกไทย เช่น การระลึกถึงครูบาอาจารย์ การไหว้ครูนวดไทยก่อนการให้บริการ รวมถึงการรู้จักที่จะสื่อสารเพื่อปฏิเสธในภาวะฉุกเฉินหากมีการถูกลวนลาม
“จากการสอบถามข้อมูลความต้องการไปทำงานในต่างประเทศของหมอนวดไทย จำนวน 215 คน พบว่า หมอนวดไทยต้องการไปทำงานต่างประเทศ เพราะคาดหวังค่าตอบแทนสูง แต่ประสบปัญหาเรื่องการสื่อสารภาษา และขั้นตอนการติดต่อขอไปทำงานในต่างประเทศ ส่วนใหญ่หมอนวดที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศจะถูกชักชวนจากเพื่อนฝูงหรือนายหน้า มีเพียงจำนวนน้อยที่ผ่านขั้นตอนถูกต้องจากกรมการจัดหางาน ซึ่งเมื่อมีการเปิดตลาดอาเซียน กลุ่มบุคลากรเหล่านี้จะมีโอกาสเดินทางไปสร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น แต่หมอนวดไทยต้องมีความพร้อมเรื่องภาษาและวิชาการจริงๆ” อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าว
นพ.สมชัย กล่าวด้วยว่า การนวดไทยจะมีท่าทางที่ต้องสัมผัสร่างกายของผู้รับบริการ จึงเป็นช่องทางให้บริการนวดไทยถูกกลุ่มขายบริการทางเพศ มักนำไปเป็นช่องทางทำมาหากินแอบแฝงเพื่อค้าประเวณีได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียต่อไทยเป็นอย่างมาก สำหรับการป้องกันจะต้องมีการสร้างมาตรฐาน เช่น เสริมคุณภาพ สร้างแบรนด์ โลโก้ให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อภาษาอังกฤษของนวดไทย จากไทยมาสสาจ (Thai Massage) เป็นใช้คำทับศัพท์ว่า นวดไทย เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย อีกทั้ง คำว่าไทย มาสสาจจะสื่อถึงไปในทางเพศ แต่หากเป็นนวดไทยจะหมายถึงการนวดไทยอย่างแท้จริง รวมไปถึงเน้นย้ำผู้เข้ารับอบรมในเรื่อง จรรยาบรรณและศักดิ์ศรีของอาชีพด้วย
