สธ.เผยยอดเหยื่อเหตุคาร์บอมบ์ที่ยะลา มี 32 ราย ตาย 1 ราย ล่าสุด ผู้บาดเจ็บปลอดภัยทั้งหมดแล้ว แต่ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 10 ราย สั่งทีมจิตแพทย์เยียวยาจิตใจผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว ยันโรงพยาบาล 4 จังหวัดชายแดนใต้ มีกำลังคน และเครื่องมือพร้อมรับเหตุฉุกเฉิน พร้อมกำชับดูแลเหยื่อระเบิดรางรถไฟนราธิวาสด้วย
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ที่ข้างองค์การโทรศัพท์ยะลา ถนนสิโรรส ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ว่า ได้สั่งการให้ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการฯ เดินทางลงพื้นที่แล้วเพื่อติดตามดูแลสถานการณ์และอำนวยความสะดวกในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหมด สรุปมีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่ รพ.ยะลา ทั้งหมด 32 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ผู้บาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด อาการเล็กน้อย แพทย์รักษาและให้กลับบ้านได้ 21 ราย รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล 10 ราย ในจำนวนนี้สาหัส 8 ราย ส่วนใหญ่ถูกไฟไหม้ กระดูกแขนขาหัก อวัยวะในช่องท้อง และทรวงอกถูกแรงกระแทกจากสะเก็ดระเบิด แพทย์ได้นำตัวเข้าห้องผ่าตัดทั้งหมด ล่าสุด ทุกรายปลอดภัยแล้ว และนอนพักรักษาตัวที่หอผู้ป่วยสามัญ
นพ.ประดิษฐ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สธ.เน้นหนักการดูแล 2 ด้าน คือ การรักษาการบาดเจ็บ และ การดูแลสุขภาพจิตของผู้บาดเจ็บ และครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อลดความรุนแรงของการกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจหลังเกิดเหตุ และลงสำรวจเยี่ยมบ้านค้นหาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการภาวะเครียดจากเหตุกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจ สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ขณะนี้มีจิตแพทย์และนักจิตวิทยาอีก 75 คน ประจำโรงพยาบาลทุกระดับ จากเหตุการณ์นี้ได้ส่งทีมจิตแพทย์ และเจ้าหน้าที่ไปดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นหญิงอายุ 49 ปี อยู่ที่ หมู่ 9 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ด้วย
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า การดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบ ซึ่งมักเป็นอุบัติเหตุหมู่ มีผู้บาดเจ็บคราวละจำนวนมาก สธ.ได้วางแผนความพร้อมโรงพยาบาลในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งกำลังคน เครื่องมือทางการแพทย์ คลังเลือด ห้องผ่าตัด ห้องฉุกเฉิน ห้องผู้ป่วยหนัก โดยมีคณะกรรมการตอบสนองภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขในแต่ละจังหวัดเป็นศูนย์อำนวยการสั่งการและการติดต่อสื่อสารหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมทั้งระบบการประสานส่งต่อผู้ป่วยหนักไปรักษาต่อทั้งทางรถยนต์ ทางอากาศยาน ซึงได้กำหนดให้โรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ เป็นแม่ข่ายใหญ่ในการดูแลผู้บาดเจ็บที่มีอาการหนัก รวมทั้งเน้นการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากหน่วยงานความมั่นคง และภาคเอกชน เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยเหลือ ที่ผ่านมาพบว่าประสบผลสำเร็จ เป็นอย่างดี
ส่วนกรณีเหตุระเบิดรางรถไฟและยิงถล่มซ้ำขบวนรถไฟ 453 จากยะลา มุ่งหน้าสุไหงโก-ลก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ที่บ้านสะโลบูกิ๊ดยือแล ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้น นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า สธ.ได้สั่งระดมทีมแพทย์ พยาบาลฉุกเฉิน พร้อมรถกู้ชีพ จากโรงพยาบาลในจังหวัดนราธิวาส จำนวน 6 ทีม เข้าไปให้การช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุอย่างเต็มที่ ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ 16 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย เป็นชายชื่อ นายพนากร ขุนแก้ว อายุ 29 ปี ในกลุ่มผู้บาดเจ็บ มีอาการสาหัส 8 ราย นำส่งไปรักษาที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อทำการผ่าตัดเป็นการด่วน ซึ่งด้านการแพทย์ได้เตรียมความพร้อมทุกด้านตลอด 24 ชั่วโมง และได้กำชับให้หน่วยแพทย์ดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทุกรายอย่างดีที่สุด รวมทั้งดูแลทางจิตใจด้วย
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บทั้ง 16 ราย ขณะนี้ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 8 ราย เป็นชายทั้งหมด ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บแขนขาหัก มีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด อาการหนัก 1 ราย ชื่อ นายสุขสวัสดิ์ เรืองนาม อายุ 48 ปี มีบาดแผลฉกรรจ์ เสียเลือดมาก แพทย์ใส่เครื่องช่วยหายใจ และช่วยฟื้นฟูคืนชีวิตที่ห้องฉุกเฉินอย่างเต็มความสามารถ ต่อมาเสียชีวิตเมื่อเวลา 10.55 น.อีก 4 ราย ส่งเข้าห้องผ่าตัดเป็นการด่วน ที่เหลืออีก 3 ราย บาดเจ็บไม่รุนแรง รับไว้นอนรักษาในโรงพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ 8 รายส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะ ส่วนใหญ่กลับบ้านได้ และอยู่ระหว่างสังเกตอาการที่โรงพยาบาลเพียง 1 ราย
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ที่ข้างองค์การโทรศัพท์ยะลา ถนนสิโรรส ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ว่า ได้สั่งการให้ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการฯ เดินทางลงพื้นที่แล้วเพื่อติดตามดูแลสถานการณ์และอำนวยความสะดวกในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหมด สรุปมีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่ รพ.ยะลา ทั้งหมด 32 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ผู้บาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด อาการเล็กน้อย แพทย์รักษาและให้กลับบ้านได้ 21 ราย รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล 10 ราย ในจำนวนนี้สาหัส 8 ราย ส่วนใหญ่ถูกไฟไหม้ กระดูกแขนขาหัก อวัยวะในช่องท้อง และทรวงอกถูกแรงกระแทกจากสะเก็ดระเบิด แพทย์ได้นำตัวเข้าห้องผ่าตัดทั้งหมด ล่าสุด ทุกรายปลอดภัยแล้ว และนอนพักรักษาตัวที่หอผู้ป่วยสามัญ
นพ.ประดิษฐ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สธ.เน้นหนักการดูแล 2 ด้าน คือ การรักษาการบาดเจ็บ และ การดูแลสุขภาพจิตของผู้บาดเจ็บ และครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อลดความรุนแรงของการกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจหลังเกิดเหตุ และลงสำรวจเยี่ยมบ้านค้นหาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการภาวะเครียดจากเหตุกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจ สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ขณะนี้มีจิตแพทย์และนักจิตวิทยาอีก 75 คน ประจำโรงพยาบาลทุกระดับ จากเหตุการณ์นี้ได้ส่งทีมจิตแพทย์ และเจ้าหน้าที่ไปดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นหญิงอายุ 49 ปี อยู่ที่ หมู่ 9 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ด้วย
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า การดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบ ซึ่งมักเป็นอุบัติเหตุหมู่ มีผู้บาดเจ็บคราวละจำนวนมาก สธ.ได้วางแผนความพร้อมโรงพยาบาลในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งกำลังคน เครื่องมือทางการแพทย์ คลังเลือด ห้องผ่าตัด ห้องฉุกเฉิน ห้องผู้ป่วยหนัก โดยมีคณะกรรมการตอบสนองภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขในแต่ละจังหวัดเป็นศูนย์อำนวยการสั่งการและการติดต่อสื่อสารหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมทั้งระบบการประสานส่งต่อผู้ป่วยหนักไปรักษาต่อทั้งทางรถยนต์ ทางอากาศยาน ซึงได้กำหนดให้โรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ เป็นแม่ข่ายใหญ่ในการดูแลผู้บาดเจ็บที่มีอาการหนัก รวมทั้งเน้นการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากหน่วยงานความมั่นคง และภาคเอกชน เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยเหลือ ที่ผ่านมาพบว่าประสบผลสำเร็จ เป็นอย่างดี
ส่วนกรณีเหตุระเบิดรางรถไฟและยิงถล่มซ้ำขบวนรถไฟ 453 จากยะลา มุ่งหน้าสุไหงโก-ลก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ที่บ้านสะโลบูกิ๊ดยือแล ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้น นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า สธ.ได้สั่งระดมทีมแพทย์ พยาบาลฉุกเฉิน พร้อมรถกู้ชีพ จากโรงพยาบาลในจังหวัดนราธิวาส จำนวน 6 ทีม เข้าไปให้การช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุอย่างเต็มที่ ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ 16 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย เป็นชายชื่อ นายพนากร ขุนแก้ว อายุ 29 ปี ในกลุ่มผู้บาดเจ็บ มีอาการสาหัส 8 ราย นำส่งไปรักษาที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อทำการผ่าตัดเป็นการด่วน ซึ่งด้านการแพทย์ได้เตรียมความพร้อมทุกด้านตลอด 24 ชั่วโมง และได้กำชับให้หน่วยแพทย์ดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทุกรายอย่างดีที่สุด รวมทั้งดูแลทางจิตใจด้วย
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บทั้ง 16 ราย ขณะนี้ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 8 ราย เป็นชายทั้งหมด ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บแขนขาหัก มีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด อาการหนัก 1 ราย ชื่อ นายสุขสวัสดิ์ เรืองนาม อายุ 48 ปี มีบาดแผลฉกรรจ์ เสียเลือดมาก แพทย์ใส่เครื่องช่วยหายใจ และช่วยฟื้นฟูคืนชีวิตที่ห้องฉุกเฉินอย่างเต็มความสามารถ ต่อมาเสียชีวิตเมื่อเวลา 10.55 น.อีก 4 ราย ส่งเข้าห้องผ่าตัดเป็นการด่วน ที่เหลืออีก 3 ราย บาดเจ็บไม่รุนแรง รับไว้นอนรักษาในโรงพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ 8 รายส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะ ส่วนใหญ่กลับบ้านได้ และอยู่ระหว่างสังเกตอาการที่โรงพยาบาลเพียง 1 ราย