“สนธยา” เจองานแรก “ผีตาโขนกังนัมสไตล์”

“สนธยา” เข้า วธ.วันแรก เจอผีตาโขนกังนัมสไตล์-แรงเงา เตือนผู้บริหาร ข้าราชการ จัดงานวัฒนธรรมอย่าลืมรากเหง้า หากผิดเพี้ยนสังคมวิพากษ์อื้อ

วันนี้ (9 พ.ย.) เวลา 07.35 น. นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เดินทางมาพร้อมกับ นางสุกุมล คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม และทีมงาน เข้าทำงานที่ วธ.เป็นวันแรก ถือฤกษ์สักการะพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในห้องทำงานชั้น 23 และหน้าที่ทำการ วธ.จากนั้นได้มอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารและข้าราชการ วธ. โดย นายสนธยา กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกของการเมืองไทยก็ว่าได้ ที่มีการมอบงานแบบนับต่อจากนางสุกุมล ที่เป็นภรรยาของตน โดยที่ไม่ต้องมานับหนึ่งกันใหม่ เมื่อตนได้มาทำงานวันแรก ก็ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับละครเรื่องแรงเงา และเมื่อสักครู่นี้ก็ถูกถามในเรื่องของ ผีตาโขนกังนัมสไตล์ ซึ่งตนได้รับทราบเรื่องนี้จากทางท้องถิ่น ว่า เป็นการประชาสัมพันธ์งานผีตาโขนเขาอาจจะคิดได้หลายรูปแบบ แต่สิ่งที่สำคัญ คือ รากเหง้าของวัฒนธรรม การประชาสัมพันธ์ที่นำเรื่องได้รับความนิยมมาเป็นกระแสก็ว่ากันไป โดยต้องยึดหลักคำนึงถึงรากของวัฒนธรรมที่มีการสืบสานมานานกว่า 400 ปี รุ่นต่อรุ่น

“ตนเคยไปเปิดงานผีตาโขน เขาให้เราเรียนรู้ว่า การแต่งกายคืออะไร วิธีการทำหน้ากากทำกันอย่างไร แล้วทำไมถึงเอาหวดมาทำหัวผีตาโขน ตลอดจนการขยับท่าทางการเต้นต่างๆ จะมีความสนุกสนานและหลากหลาย ช่วงนี้กระแสกังนัมสไตล์กำลังฮิต ก็เลยนำท่าเต้นกังนัมสไตล์มาผสมด้วย จึงถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ตนเห็นว่า ควรที่จะมีการปรับและดูเนื้อหารากเหง้าทางวัฒนธรรมจะดีกว่า เป็นเรื่องที่ตนได้รับมาสดๆร้อนๆ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า รัฐบาลเกาหลีใต้สามารถส่งออกวัฒนธรรมได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การท่องเที่ยวจากละครแดจังกึม หรือแม้แต่กังนัมสไตล์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ วธ.ก็จะต้องเฝ้าดูสิ่งเหล่านี้ด้วย รวมทั้งได้มอบนโยบายเกี่ยวกับ การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กและเยาวชนของไทยไม่ให้ลืมรากเหง้า การเผยแพร่วัฒนธรรมในต่างประเทศต้องนำรากที่แก่นวัฒนธรรมไทยแท้จริงๆ ไปจัดแสดง การพัฒนาพิพิธภัณฑ์ให้มีชีวิต การต่อยอดงานวัฒนธรรมไปเสริมสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและสินค้าทางวัฒนธรรม” นายสนธยา กล่าว

นายสนธยา กล่าวว่า ผมอยากจะเน้นย้ำกับผู้บริหารและข้าราชการ วธ.คือ จะทำอย่างไรให้คนไทยไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง เพราะวัฒนธรรมต่างชาติหลั่งไหลเข้ามามาก เป็นสิ่งที่เราต้องทำงานหนักเฝ้าดูอย่างไม่ละเลยต้องทำงานเชิงรุก อย่างไรก็ตาม ผมเข้ามาสานงานต่อจากรัฐมนตรีสุกุมล โดยใช้นโยบายเดียวกัน สืบสาน สร้างสรรค์ บูรณาการ ที่จะทำให้งานออกมาตรงตามยุทธศาสตร์และตามนโยบายของรัฐบาล ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในการนำศิลปวัฒนธรรมมาเป็นโปรดักส์การท่องเที่ยวมาเชิดหน้าชูตาให้ประเทศ และต่อยอดในการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทย ให้ตรงตามเป้าหมายของรัฐบาลในปี 2558 ที่จะทำให้การท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ 2 ล้านล้านบาทด้วย