“หมอประดิษฐ์” ทำงานวันแรก สั่งทุกกรมทำตัวชี้วัดใน 2 อาทิตย์ ให้สอดคล้องนโยบายในฝัน คนไทยต้องมีสุขภาพดีของ “นายกฯปู” เล็งปรับกลุ่มการทำงานใหม่ สางระบบผูกขาดผู้ซื้อ-ผู้ให้บริการ ยันเดินหน้าปรับลูกจ้างเป็นพนักงาน กสธ.แต่ต้องมีความดึงดูดใจให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
วันนี้ (2 พ.ย.) นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างพิธีมอบนโยบายการบริหารงานกระทรวงสาธารณสุข ว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องการเห็นจากการที่ตนมาดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข คือ การทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ซึ่งตรงนี้ตนได้นำมาเปลี่ยนเป็นวิสัยทัศน์ในการดำเนินงาน ซึ่งในทศวรรษต่อไปคนไทยจะต้องแข็งแรงขึ้น เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยตั้งใจที่จะพัฒนาระบบสุขภาพให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรค รวมถึงฟื้นฟูสุขภาพอย่างเป็นระบบ โดยมีประสานกันแบบบูรณาการทั้งภายในหน่วยงานและนอกหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่สำคัญผู้ทำงานร่วมกันต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกันและมีความสามัคคี
นพ.ประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญของเป้าหมายในการดำเนินงาน คือ ตัวชี้วัด โดยทุกกรมจะต้องสร้างตัวชี้วัดขึ้นมาให้ชัดเจนในทุกระดับและทุกกิจกรรมที่ดำเนินการ โดยภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะให้ทุกกรมเสนอตัวชี้วัด เพื่อดำเนินกิจกรรมที่ทำให้คนไทยมีสุขภาพดีอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะมีการประเมินผลการดำเนินงานทุก 6 เดือน ว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาทั้งหมดตรงตามนโยบายหรือไม่ หากไม่ตรงก็จะมีการพูดคุยปรับเปลี่ยนกันต่อไป นอกจากนี้ จะมีการแบ่งกลุ่มงานใหม่ให้ชัดเจนขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มงาน คือ กลุ่มผู้ให้บริการและกลุ่มผู้ซื้อบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน รวมไปถึงให้มีหน่วยงานในการดูแลรับผิดชอบด้านข้อมูลสุขภาพของประเทศด้วย
“อยากให้การทำงานมีความคิดที่หลากหลายขึ้นหรือมีความคิดนอกกรอบ อย่างระบบการให้บริการสุขภาพเดิมจะเป็นระบบผูกขาดทั้งผู้ซื้อบริการ และผู้ให้บริการ ทำให้เกิดการพัฒนายาก หากจะทำให้มีประสิทธิภาพจึงอยากเสนอว่าควรเปิดให้มีการแข่งขันแบบหลายเจ้าเพื่อเอาใจประชาชน ภายใต้การดูแลของรัฐบาล ซึ่งทำให้ประชาชนเลือกซื้อบริการได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องมาตรการกำลังคน รูปแบบสภาพการจ้างงานจะต้องจูงใจให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเรื่องของการบรรจุเป็นข้าราชการนั้นไม่สามารถบรรจุทั้งหมดพร้อมกันได้ในปีเดียว จึงต้องมีรูปแบบการจ้างงานอย่างอื่น เช่น พนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พนักงาน กสธ.) ต้องมีความจูงใจ ให้ขวัญกำลังใจมีความสุขในการทำงาน ส่วนการบูรณาการ 3 กองทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นอกเหนือจากเรื่องผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง และผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์แล้วนั้น รัฐบาลยังเตรียมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วย แต่เนื่องจากโรคมะเร็งมีจำนวนมาก ต้องไปดูต้นปัญหาก่อนว่าจะจัดกลุ่มมะเร็งต่างๆ อย่างไร
