“ประดิษฐ์-ชลน่าน” เข้ารับตำแหน่ง “รมว.-รมช.สาธารณสุข” อย่างเป็นทางการ เตรียมสานฝันนายกฯปู สร้างคนไทยให้มีสุขภาพดี เผยเตรียมพัฒนาระบบ 30 บาทรักษาทุกโรค ให้มีความมั่นคงและมีคุณภาพมากขึ้น พร้อมสางปัญหาโรงพยาบาลขาดสภาพคล่อง
วันนี้ (2 พ.ย.) นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินทางเข้ารับตำแหน่ง รมว.สธ.คนใหม่ หลังจากเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณไปแล้วเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา โดย รมว.สาธารณสุขคนใหม่ ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง จำนวน 5 จุด คือ พระพุทธนิรามัย ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศาลพระพรหม พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร จากนั้นเดินทางไปยังห้องทำงานที่ชั้น 4 อาคารสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมลงชื่อเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางเข้ารับตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข อย่างเป็นทางการเช่นกัน เมื่อเวลา 13.25 น.โดยมี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. รองปลัด สธ.อธิบดีทุกกรม ผู้ตรวจราชการกระทรวง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงฯ ให้การต้อนรับและมอบดอกไม้เพื่อแสดงความยินดี
ทั้งนี้ นพ.ประดิษฐ์ และ นพ.ชลน่าน ได้เข้ารับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินการสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขตามนโยบายรัฐบาลจาก นายวิทยา บุรณศิริ อดีต รมว.สาธารณสุข และ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีต รมช.สาธารณสุข โดยแบ่งนโยบายออกเป็น 3 แนวทาง คือ 1.นโยบายเร่งด่วน ได้แก่ พัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพ การบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ส่งเสริมสุขภาวะแม่และเด็ก สุขภาวะช่องปากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน 2.นโยบายความมั่นคงแห่งรัฐ ได้แก่ โครงการในพระราชดำริ การรองรับสาธารณภัย และการบริการดูแลสุขภาพแรงงานต่างด้าวและบุคคลที่มีสถานะไม่ชัดเจน และ 3.นโยบายด้านสังคมและคุณภาพชีวิต ได้แก่ การลงทุนด้านบริการสุขภาพ การผลิตบุคลากรจัดให้มีมาตรการสร้างสุขภาพ พัฒนาขีดความสามารถของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) พัฒนาคุณภาพชีวิตทุกกลุ่มวัยและผู้พิการ ส่งเสริมให้มีการออกกำลังกาย และเรื่องเมดิเคิล ฮับ
นพ.ประดิษฐ์ กล่าวภายหลังพิธีรับส่งหน้าที่ ว่า การมาปฏิบัติหน้าที่เป็น รมว.สาธารณสุข นั้น นายกรัฐมนตรีได้ฝากฝังในเรื่องการทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี และคงไม่มีความกังวลอะไรเนื่องจากทุกคนในกระทรวงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเข้าสู่ทศวรรษที่ 2 แล้วก็จะสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบและทำให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ส่วนกรณีโรงพยาบาลขาดความสภาพคล่องทางการเงินนั้น รัฐบาลไม่ละเลยในเรื่องดังกล่าวแน่นอน แต่จะเข้าไปตรวจสอบและแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป นอกจากนี้ เตรียมที่จะแยกบทบาทดูแลให้บริการด้านสุขภาพใน 2 เกณฑ์ คือ ผู้ให้บริการและผู้ซื้อบริการ ซึ่ง สธ.จะกำหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์