“นิวัฒน์ธำรง” อ้างเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ทำ กม.อุปถัมภ์พุทธไม่คืบหน้า เผย ผ่านการพิจารณา คกก.กฤษฎีกา แล้ว เตรียมเสนอเข้าวาระประชุมสภาฯ
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ทางคณะกรรมาธิการได้สอบถามถึงความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนา ซึ่งในส่วนของร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตนได้ชี้แจงไปว่า ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างรอเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่วาระการประชุมของสภาฯต่อไป
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวอีกว่า ส่วนร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนา นั้น ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียดโดยมีหลักการว่าพระสงฆ์จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในการบริหารธนาคาร และจะไม่มีการนำเงินพระสงฆ์เข้ามาเป็นทุนประเดิม ซึ่งการตั้งธนาคารพระพุทธศาสนาจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะทำอย่างไรให้ธนาคารอยู่รอด ไม่ใช่พอตั้งธนาคารไปแล้วและมีวัดต่างๆ นำเงินเข้ามาฝาก แต่กลับมีการบริหารไม่ดี ไม่อยู่รอด เพราะเฉลี่ยแล้วการตั้งธนาคารแต่ละแห่งจะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อน
“กรณีของร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่หลายฝ่ายมองว่าใช้เวลานานมาก แต่กลับยังไม่มีความคืบหน้านั้น ซึ่งในส่วนของตัวกฎหมายแล้วยอมรับว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย รัฐมนตรีที่มาดูแลพศ. ก็เปลี่ยนอยู่ตลอด จึงทำให้การพิจารณากฎหมายฉบับนี้ไม่คืบหน้า” นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
ด้าน ดร.อำนาจ บัวศิริ รองผอ.พศ. กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาและส่งร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่า จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.นี้บรรจุในวาระการประชุม ครม.ภายในเดือน ต.ค.นี้
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ทางคณะกรรมาธิการได้สอบถามถึงความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนา ซึ่งในส่วนของร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตนได้ชี้แจงไปว่า ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างรอเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่วาระการประชุมของสภาฯต่อไป
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวอีกว่า ส่วนร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพระพุทธศาสนา นั้น ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียดโดยมีหลักการว่าพระสงฆ์จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในการบริหารธนาคาร และจะไม่มีการนำเงินพระสงฆ์เข้ามาเป็นทุนประเดิม ซึ่งการตั้งธนาคารพระพุทธศาสนาจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะทำอย่างไรให้ธนาคารอยู่รอด ไม่ใช่พอตั้งธนาคารไปแล้วและมีวัดต่างๆ นำเงินเข้ามาฝาก แต่กลับมีการบริหารไม่ดี ไม่อยู่รอด เพราะเฉลี่ยแล้วการตั้งธนาคารแต่ละแห่งจะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อน
“กรณีของร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่หลายฝ่ายมองว่าใช้เวลานานมาก แต่กลับยังไม่มีความคืบหน้านั้น ซึ่งในส่วนของตัวกฎหมายแล้วยอมรับว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย รัฐมนตรีที่มาดูแลพศ. ก็เปลี่ยนอยู่ตลอด จึงทำให้การพิจารณากฎหมายฉบับนี้ไม่คืบหน้า” นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
ด้าน ดร.อำนาจ บัวศิริ รองผอ.พศ. กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาและส่งร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่า จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.นี้บรรจุในวาระการประชุม ครม.ภายในเดือน ต.ค.นี้
