สถาบันกัลยาณ์ฯ รับตัวเมียฆ่าหั่นศพผัว สังเกตอาการแล้ว ยังไม่ชัวร์สาเหตุการฆ่าเกิดจากอะไร ต้องรอผู้ป่วยอาการดีขึ้น คาด 45 วันรู้ผลวิเคราะห์มีอาการทางจิตหรือไม่
วันนี้ (9 ต.ค.) นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า หลังจากตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ ส่งตัว น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี ภรรยาคลั่งเสพยาบ้าฆ่าหั่นศพ นายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี สามี อดีตดีไซเนอร์ ป่วยอัมพาตครึ่งตัว เดินไม่ได้นั้น เบื้องต้นได้รับตัวผู้ป่วยไว้เป็นผู้ป่วยใน และได้ดำเนินการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวชแล้ว อาทิ ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด และส่งผู้ป่วยเข้าไปอยู่ในห้องพักที่มีกล้องวงจรปิดเพื่อสังเกตอาการ ทั้งนี้ จะให้นักนิติจิตเวช นักสังคมสงเคราะห์ทางจิตเวช มาคอยดูแล และร่วมสังเกตอาการด้วย เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัย โดยจากการซักประวัติผู้ป่วย พบว่า ผู้ป่วยมีประวัติใช้ยาเสพติดและมีอาการหลงผิด หูแว่วได้ยินเสียงคนสั่งให้ฆ่าสามี ซึ่งผู้ป่วยรู้สึกผิด คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ดังนั้น แพทย์ที่รับผู้ป่วยไว้ จึงได้ทำการฉีดยา และให้ผู้ป่วยรับประทานยาเพื่อรักษาอาการเบื้องต้นก่อน
นพ.ศิริศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ให้พยาบาลประจำตึก คอยสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งบันทึกอาการ พฤติกรรมคำพูด และความคิดของผู้ป่วยไว้ ซึ่งเมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้นพอที่จะพูดคุย และให้รายละเอียดเกี่ยวกับตนเองได้ ก็จะทำการรวบรวมข้อมูลประกอบการวินิจฉัย โดยในด้านของนักสังคมสงเคราะห์ทางจิตเวช ก็จะรวบรวมประวัติ และพฤติกรรมคดี ด้านนักจิตวิทยาคลินิก ก็จะทำการทดสอบทางจิตวิทยา และนักกิจกรรมบำบัดก็จะประเมินและเตรียมที่จะฟื้นฟูผู้ป่วยต่อไป
“สำหรับผู้ป่วยรายนี้ หากอาการทุเลาก็จะสามารถนำเข้าที่ประชุมวินิจฉัยได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุการฆ่าสามีนั้นเกิดจากอะไร เพราะต้องหาข้อมูลเรื่องอาการเริ่มต้น และประวัติการใช้ยาเสพติด ซึ่งจะต้องรอผลการวินิจฉัยของทีมสหวิชาชีพต่อไป โดยภายใน 45 วัน คาดว่าจะสามารถทราบผลว่าผู้ป่วยมีความผิดอาการปกติทางจิตหรือไม่” ผอ.สถาบันกัลยาณ์ฯ กล่าว
วันนี้ (9 ต.ค.) นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า หลังจากตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ ส่งตัว น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี ภรรยาคลั่งเสพยาบ้าฆ่าหั่นศพ นายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี สามี อดีตดีไซเนอร์ ป่วยอัมพาตครึ่งตัว เดินไม่ได้นั้น เบื้องต้นได้รับตัวผู้ป่วยไว้เป็นผู้ป่วยใน และได้ดำเนินการตรวจวินิจฉัยทางนิติจิตเวชแล้ว อาทิ ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด และส่งผู้ป่วยเข้าไปอยู่ในห้องพักที่มีกล้องวงจรปิดเพื่อสังเกตอาการ ทั้งนี้ จะให้นักนิติจิตเวช นักสังคมสงเคราะห์ทางจิตเวช มาคอยดูแล และร่วมสังเกตอาการด้วย เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัย โดยจากการซักประวัติผู้ป่วย พบว่า ผู้ป่วยมีประวัติใช้ยาเสพติดและมีอาการหลงผิด หูแว่วได้ยินเสียงคนสั่งให้ฆ่าสามี ซึ่งผู้ป่วยรู้สึกผิด คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ดังนั้น แพทย์ที่รับผู้ป่วยไว้ จึงได้ทำการฉีดยา และให้ผู้ป่วยรับประทานยาเพื่อรักษาอาการเบื้องต้นก่อน
นพ.ศิริศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ให้พยาบาลประจำตึก คอยสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งบันทึกอาการ พฤติกรรมคำพูด และความคิดของผู้ป่วยไว้ ซึ่งเมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้นพอที่จะพูดคุย และให้รายละเอียดเกี่ยวกับตนเองได้ ก็จะทำการรวบรวมข้อมูลประกอบการวินิจฉัย โดยในด้านของนักสังคมสงเคราะห์ทางจิตเวช ก็จะรวบรวมประวัติ และพฤติกรรมคดี ด้านนักจิตวิทยาคลินิก ก็จะทำการทดสอบทางจิตวิทยา และนักกิจกรรมบำบัดก็จะประเมินและเตรียมที่จะฟื้นฟูผู้ป่วยต่อไป
“สำหรับผู้ป่วยรายนี้ หากอาการทุเลาก็จะสามารถนำเข้าที่ประชุมวินิจฉัยได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุการฆ่าสามีนั้นเกิดจากอะไร เพราะต้องหาข้อมูลเรื่องอาการเริ่มต้น และประวัติการใช้ยาเสพติด ซึ่งจะต้องรอผลการวินิจฉัยของทีมสหวิชาชีพต่อไป โดยภายใน 45 วัน คาดว่าจะสามารถทราบผลว่าผู้ป่วยมีความผิดอาการปกติทางจิตหรือไม่” ผอ.สถาบันกัลยาณ์ฯ กล่าว