ตร.นำตัวสาวไสยศาสตร์มือฆ่าหั่นศพผัวอัมพฤกษ์มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยันใช้ไขควงเจาะหน้าผากและแทงด้านหลัง อ้างเทพเข้าสิง และต้องฆ่าคนตายเพื่อให้พ้นทุกข์ทรมาน ก่อนชำและตัดหัวมือและเท้าทิ้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ส่งตัวผู้ต้องหาให้สถานบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ตรวจสอบว่าสภาพจิตผิดปกติหรือไม่ก่อนแจ้งข้อหา
วันนี้ (8 ต.ค.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ชวลิต ประสพศิลป์ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล ผกก.สน.บางขุนนนท์ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนนนท์ ได้ควบคุมตัว น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพนายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี สามีของผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้อง 714 ชั้น 7 ธิติวงศ์อพาร์ตเมนท์ เลขที่ 116/12 ซอยบางขุนนนท์ 12 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
โดยจุดแรกบริเวณห้องนอน ภายในห้อง 714 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาใช้ไขขวงแทงผู้ตายบริเวณหน้าผาก 1 แผล และที่ด้านหลังจนเสียชีวิตบนเตียงนอน จากนั้นได้ลากศพผู้ตายมาที่บริเวณห้องโถงซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า ซึ่งเป็นจุดที่ชำแหละศพผู้ตาย และนำชิ้นส่วนศพยัดใส่กระเป๋าเดินทางวางไว้หน้าห้อง แต่ขณะกำลังนำตัวออกจากห้องดังกล่าว ทางผู้ต้องหาเกิดอาการหน้ามืดเป็นลม ขณะที่จะนำตัวไปทำแผนต่อยังจุดอื่น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ยกเลิกการทำแผนโดยทันที ก่อนจะควบคุมตัว น.ส.พรสุรีย์ กลับไปที่ สน.บางขุนนนท์
พล.ต.ต.ปริญญา เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากเมื่อคืนทางผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่บางส่วน แต่ว่าทางผู้ต้องหาเกิดอาการหน้ามืดเป็นลม เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะว่ายาเสพติดหมดฤทธิ์หรืออดนอนจนร่างกายอ่อนเพลีย จึงต้องยกเลิกการทำแผนจุดอื่นไปทันที ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การอ้างว่า มีเทพมาเข้าสิง และบอกว่าคนตายทุกข์ทรมาน จึงต้องฆ่าเพื่อให้พ้นทุกข์ โดยได้ลงมือในเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ใช้ไขควงแทงที่หน้าผากและด้านหลังของผู้ตาย จากนั้น น.ส.พรสุรีย์ได้เข้านอน กระตั่งตื่นมาในช่วงเช้าพบว่านายประสิทธิ์นั้นเสียชีวิตแล้ว จากนั้นจึงได้ใช้มีดทำครัวภายในห้อง ทำการตัดแยกชิ้นส่วนศพผู้ตายออกเป็นชิ้นๆในช่วงเช้า ก่อนที่จะออกไปซื้อถุงพลาสติกแบบมีซิปในช่วงบ่าย เพื่อมาใส่ชิ้นส่วนของผู้ตายและนำกระเป๋าที่บรรจุศพมายัดใส่กระเป๋าเดินทางดังกล่าว
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาเมื่อคืนได้ให้การถูกต้องตรงตามสภาพรอยบาดแผลของศพผู้ตาย ส่วนชิ้นส่วนมือและเท้าของผู้ตายที่ยังหาไม่เจอนั้น จากการสอบถามทางผู้ต้องหาอ้างว่า ได้ใส่ในถุงและโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เพราะจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดไม่พบว่าผู้ตายเดินถือถุงออกมาแต่อย่างใด จากนี้จะประสานทางเจ้าหน้าที่กทม. เพื่อให้ตรวจสอบตามเส้นทางของแม่น้ำค้นหาชิ้นส่วนมือและเท้าต่อไป โดยหลังจากนี้จะส่งตัวผู้ต้องหาไปยังสถานบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพื่อตรวจสอบว่าสภาพจิตผิดปกติหรือไม่ ก่อนดำเนินการแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
คดีนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งพบชิ้นส่วนถูกฆ่าหั่นศพ ที่ ธิติวงศ์อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 116/112 ซ.บางขุนนนท์ 12 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์ รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ตเมนต์หรู ที่บริเวณชั้น 2 หน้าลิฟต์ ด้านหลังติดคลองบางกอกน้อย พบกระเป๋าเดินทางสีดำ 1 ใบ เปิดออกมาพบถุงพลาสติกสีดำลายการ์ตูน พอเปิดออกมาอีกชั้นเป็นผ้านวมสีชมพูลายการ์ตูน ห่อชิ้นส่วนศพเป็นชายทราบชื่อ นายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี ในสภาพสวมเสื้อยืดสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นสีดำ ไม่พบศีรษะ ส่วนมือ และเท้าถูกมัดไว้ด้วยกันด้วยเชือกฟางสีเหลือง โดยถูกตัดข้อมือทั้งสองข้าง และชิ้นส่วนเท้าด้านขวาถูกตัดจากข้อเท้าหายไป 1 ข้าง จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ห้องเกิดเหตุเลขที่ 714 ชั้น 7 ทราบชื่อเจ้าของห้อง น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี เป็นเจ้าของห้องดังกล่าว ส่วนชิ้นส่วนศพที่พบเป็นสามีของ น.ส.พรสุรีย์
จากการสอบสวน นายสายัญ นวลพยา อายุ 52 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยภายในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว ให้การว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.พรสุรีย์ ได้แจ้งขอย้ายออกแล้วได้เรียกตนไปบอกว่า ช่วยขนของที่ตนไม่ใช้จำนวนหลายอย่าง รวมถึงกระเป๋าเดินทางใบสีดำที่พบชิ้นส่วนศพดังกล่าวไปบริจาค หรือให้ใครก็ได้ ตนจึงได้ย้ายลงมาไว้ที่ชั้น 2 ของอาคารใกล้กับลิฟต์ที่เป็นจุดคัดแยกขยะ เนื่องจากกระเป๋าใบดังกล่าวมีลักษณะใหญ่ และมีน้ำหนักไปทิ้งลงในช่องไม่ได้ จึงเปิดกระเป๋าดูก็พบเป็นชิ้นส่วนศพดังกล่าว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
เมื่อตรวจสอบภายในห้องพัก พบคราบเลือดกระจายจำนวนหนึ่งจุดบนหัวเตียง และพระพุทธรูปที่ไว้กราบไหว้จำนวนหลายองค์พร้อมธูปเทียน และพานคล้ายการไหว้บูชายัญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยังพบการเขียนเป็นรูปยันต์ไว้ที่ประตูห้องนอนอีก และยังมีชุดขาวชีพราหมณ์ตกอยู่ภายในห้อง มีอัลบั้มรูปภาพของ น.ส.พรสุรีย์ สมัยยังสาวๆ อยู่ อีกทั้งพบอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน นายกิตติพงศ์ สำเภา อายุ 28 ปี นักศึกษาพักอยู่ห้องเลขที่ 703 ให้การว่า เคยเห็นผู้ตายมานั่งอยู่เฉยๆ ฝั่งตรงข้ามหน้าห้องช่วงประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรุ่นน้องในอาคารดังกล่าวเคยเล่าให้ฟังว่า ภรรยาผู้ตายมักจะทำร้ายตบตี และลงมือซ้อมผู้ตายเป็นประจำ และยังเคยมีลากไปไว้ชั้น 5 หน้าลิฟต์ เนื่องจากพักหลังผู้ตายเริ่มเป็นอัมพฤกษ์ แล้วเอาถาดข้าวไปวางไว้ให้กิน จึงคาดว่าภรรยาผู้ตายน่าจะมีอาการทางประสาท มักได้ยินว่ามีเรื่องทะเลาะตบตีผู้ตายเป็นประจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ตายป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออัมพฤกษ์ ส่วนน.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายเอง ซึ่งขณะนี้ถูกจับกุมตัวไปสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 แล้ว ขณะนี้ยังให้การวกวนคล้ายคนเสียสติจับใจความไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะต้องให้แพทย์ทำการตรวจเสียก่อนว่ามีอาการทางประสาทหรือไม่ เพื่อเร่งหาสาเหตุการสังหารต่อไป