เสนอยูเนสโกชูหนัง “พระเจ้าช้างเผือก” เป็นมรดกความทรงจำของโลก สร้างก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุ 72 ปี ต้านการปกครองไม่อยู่ในศีลธรรม ข่มเหงประชาชน ผอ.หอภาพยนตร์ฯ ระบุ เสนอตั้งแต่ปี 52 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
วันนี้ (5 ต.ค.) นายโดม สุขวงศ์ ผู้อำนวยการหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) เปิดเผยแนวทางการอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทยเป็นมรดกของชาติ ว่า จากการที่ทางหอภาพยนตร์ ได้ประกาศขึ้นทะเบียนภาพยนตร์ไทยเป็นมรดกของชาติ ประจำปี 2555 จำนวน 25 เรื่อง อาทิ เรื่องโชคสองชั้น ชีวิตก่อน แห่รัฐธรรมนูญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จนิวัติพระนคร ทิ้งระเบิดกรุงเทพฯในสงครามโลกครั้งที่ 2 แม่นาคพระโขนง ซึ่งโครงการนี้ทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเป็นการอนุรักษ์คุณค่ามรดกของชาติ โดยมีหลักเกณฑ์พิจารณาคุณค่า เช่น ประวัติศาสตร์ สังคม การเมือง และศิลปะ ภาพยนตร์เหล่านั้นมีความโดดเด่นของเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อสังคม ภาพยนตร์บางเรื่องก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และมีชิ้นเดียวที่หาทดแทนกันไม่ได้ หรือมีความเสี่ยงที่จะสูญหาย จึงต้องมีการขึ้นทะเบียนเพื่อประกาศออกไปให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่าของในเรื่องนี้
“ปัจจุบันมีภาพยนตร์ไทยจำนวนนับ 10,000 เรื่อง อาทิ ภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์ข่าว ภาพยนตร์สารคดี ฯลฯ ซึ่งในช่วงเวลา 2 ปี (2554-2555) หอภาพยนตร์ได้ขึ้นทะเบียนภาพยนตร์ของไทยเป็นมรดกของชาติไปแล้วรวม 50 เรื่อง ที่สำคัญ ยังได้เสนอภาพยนตร์เรื่อง “พระเจ้าช้างเผือก” ภาพยนตร์ที่มีคุณค่าต่อประเทศไทยและมีอายุเก่าแก่ 72 ปีต่อคณะกรรมการแห่งชาติของไทยว่าด้วยมรดกความทรงจำของโลก เพื่อที่เสนอชื่อต่อไปยังองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) พิจารณาขึ้นทะเบียนภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเป็นมรดกความทรงจำของโลก ไปตั้งแต่ปี 2552 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับคำตอบจากคณะกรรมการแห่งชาติของไทยว่าด้วยมรดกความทรงจำของโลก” ผอ.หอภาพยนตร์ กล่าว
นายโดม กล่าวว่า ภาพยนตร์ “พระเจ้าช้างเผือก” (King of the White Elephant) เป็นภาพยนตร์ประเภทเรื่องแสดงขนาดยาว (feature drama) สร้างโดย ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ (หลวงประดิษฐ์มนูธรรม) ในนาม ปรีดีโปรดักชั่น เมื่อปี พ.ศ.2483 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม (หลวงพิบูลสงคราม) ผู้สร้างได้แต่งหนังสือนิยายเรื่องเดียวกันนี้เป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วสร้างขึ้นเป็นภาพยนตร์ ในระบบฟิล์ม 35 มม.ขาวดำ บันทึกเสียงในฟิล์ม สำเร็จ และนำออกฉายเป็นรอบปฐมทัศน์สู่สาธารณชนครั้งแรก ที่ กรุงเทพฯ สิงคโปร์ และนิวยอร์ก ในวันเดียวกันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2484
โดยมีสาระสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ที่ผู้สร้างต้องการสื่อสารไปยังชาวโลก ให้ตระหนักถึงภัยของการปกครองและผู้ปกครองที่ไม่อยู่ในศีลธรรม ไม่เคารพกฎกติกาของสังคมโลก ซึ่งนำไปสู่การเบียดเบียนข่มเหงราษฎร และการทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้าน เพื่อแสวงผลประโยชน์ตนด้วยความโลภโมโทสัน ในขณะที่ผู้ปกครองซึ่งอยู่ในศีลธรรม จะดูแลราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข และปกป้องราษฎรจากภัยสงคราม ด้วยการทำสงครามต่อผู้รุกรานเพื่อสันติภาพ นับเป็นผลงานภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นในท่ามกลางกระแสการกระหายสงครามแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนที่กำลังเกิดขึ้นในโลกขณะนั้น และกำลังจะกระจายเป็นมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเป็นผลงานภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่ประกาศอุดมการณ์สันติภาพและสันติสุขแก่โลก เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวที่สร้างก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ของประเทศไทยเพียงเรื่องเดียวที่เหลือรอดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เป็นตัวอย่างของผลงานภาพยนตร์ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนและมหรสพมวลชนยอดนิยมของโลกในเวลานั้น ที่แสดงให้เห็นการผสานการสื่อสารแสดงแบบดั้งเดิมของไทย กับการแสดงแบบภาพยนตร์ของตะวันตก (ฮอลลีวูด) แต่เหนืออื่นใดเป็นการแสดงเจตนารมณ์อันแรงกล้าในการประกาศอุดมการณ์ หรืออุดมคติแห่งสันติภาพและสันติสุขอันถาวรของมนุษย์