สพฐ.ปฏิเสธข้อเรียกร้อง นร.ม.4 ภาคบ่าย ร.ร.บดินทรฯ 36 คน ยกแผงเข้าเรียนศิลป์ภาษา และศิลป์คำนวณ ในภาคปกติ “ชินภัทร” ชี้ค่าเฉลี่ยผลการเรียนของภาคบ่ายแค่ 1.2 จำต้องจัดให้เรียนในแผนศิลป์ทั่วไป แจงเด็กห้องเรียนปกติเต็มเพดานที่กำหนด 50 คนต่อห้อง เพิ่มไม่ได้แล้ว ยังเปิดทางให้ ร.ร.พิจารณาเป็นรายกรณีไปหากเกรดดีมีห้องว่างก็ให้ย้ายได้
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยถายหลังเรียกรองผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ที่รักษาการแทน นายสุวัฒน์ วิวัฒนานนท์ อดีต ผอ.โรงเรียนที่เพิ่งเกษียณอายุราชการ พร้อมหัวหน้าฝ่ายทะเบียน มาหารือเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของผู้ปกครองและนักเรียนภาคบ่าย ทั้ง 3 ข้อ โดยขอให้โรงเรียนออกเลขประจำตัวให้นักเรียนภาคบ่ายทั้ง 36 คน ขอให้จัดนักเรียนภาคบ่ายเข้าชั้นเรียนปกติ ในแผนศิลป์ภาษาและศิลป์คำนวณ ตามศักยภาพของเด็ก และขอให้โรงเรียนปฏิบัติกับนักเรียนภาคบ่ายเหมือนนักเรียนภาคเช้า ว่า จากการหารือได้ข้อสรุป ว่า กรณีที่โรงเรียนยังไม่ออกเลขประจำตัวนักเรียนในภาคบ่ายนั้น เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของโรงเรียนเอง จริงๆ แล้วนักเรียนทุกคนสามารถใช้เลขประจำตัวเดิมที่ออกให้ตั้งแต่เข้า ม.ต้น ต่อได้โดยอัตโนมัติ ยกเว้นนักเรียนที่เข้าใหม่ จึงต้องมาขอออกเลขประจำตัวใหม่ จึงได้สั่งการกับโรงเรียนไปและขอให้ผู้ปกครอง นักเรียนเลิกกังวลใจในเรื่องนี้ ยืนยันว่า นักเรียนภาคบ่ายทุกคนมีสถานภาพเป็นนักเรียนของโรงเรียนบดินทรฯแน่นอน รวมถึงเรื่องสมุดพกที่โรงเรียนยังไม่ได้แจกให้นักเรียน ทำให้ผู้ปกครองกังวลใจในสถานภาพของนักเรียน ขอยืนยันว่า สมุดพกจะแจกให้ผู้ปกครองตามกำหนดเวลา อาจเป็นปลายเทอมแรก หรือปลายเทอมสอง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะแจกให้
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้โรงเรียนเริ่มต้นเก็บค่าธรรมเนียมการเรียนกับเด็กภาคบ่าย ตั้งแต่ภาคเรียนที่สอง จริงๆ แล้ว การเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมต้องเป็นการให้บริการทางการศึกษาที่นอกเหนือจากบริการตามมาตรฐานเรียนฟรี ที่สำคัญ ต้องเป็นความสมัครใจของผู้ปกครองด้วย แต่ที่ผ่านมา เข้าใจว่า ผอ.คนเดิมคงเกร็งๆ จึงยังไม่กล้าเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษากับนักเรียนภาคบ่าย อย่างไรก็ตาม ได้ย้ำกับโรงเรียนไปว่า ถ้าผู้ปกครองรายใดไม่พร้อมหรือไม่สะดวกก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ส่วนค่าธรรมเนียนเทอมแรกที่ยังไม่ได้เก็บให้ยกประโยชน์ไป ไม่ต้องเก็บย้อนหลัง
“ยืนยันว่า สถานภาพของนักเรียนภาคบ่าย ทั้ง 36 คน ในความรู้สึกของครู และผู้บริหารเด็ทุกคนเป็นลูกบดินทรฯ ไม่มีความรู้สึกแบ่งแยก แต่ข้อเรียกร้องที่ให้จัดนักเรียนภาคบ่ายทุกคนเข้าแผนการเรียนศิลป์ภาษา และศิลป์คำนวณ ในภาคปกตินั้น คงดำเนินการให้ในตอนนี้ไม่ได้ จริงๆ แล้ว แผนศิลป์ทั่วไปที่เด็กภาคบ่ายเรียนอยู่ ก็สามารถที่จะใช้ในการศึกษาต่อได้ แต่เนื่องจากว่าเด็กกลุ่มนี้มีผลการเรียนที่อ่อน ค่าเฉลี่ยแค่ 1.2 จึงไม่สามารถจัดการเรียนแบบลงลึกได้ และคงไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องที่ให้จัดเด็กกลุ่มนี้เข้าสู่แผนการเรียนอื่นๆ ขณะเดียวกัน ห้องเรียนปกติทุกห้องมีนักเรียนเต็ม 50 คนแล้ว และผมได้บอกตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ถ้าจะกระจายเด็กไปภาคปกติ จะต้องไม่กระทบเด็กรายอื่นๆ และคำนึงถึงผลการเรียนของตัวเด็กด้วย ไม่ให้เด็กกลุ่มนี้ไปถ่วงเด็กอื่นในชั้นเรียน” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นักเรียนทุกคนไม่ว่าจะภาคบ่าย หรือภาคปกติ มีสิทธิจะขอย้ายแผนการเรียนได้ ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบและผลการเรียนของเด็ก โดยโรงเรียนมีเกณฑ์ว่า ถ้านักเรียนต้องการจะย้ายไปอยู่ห้องเรียนอื่น จะต้องมีผลการเรียนไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกว่าห้องเรียนนั้น ดังนั้น จึงสรุปว่า ให้โรงเรียนพิจารณาเป็นรายๆ ไป ถ้าห้องว่างและผลการเรียนนักเรียนถึงตามเกณฑ์ก็ย้ายได้ อย่างไรก็ตาม ในปีการศึกษาหน้า (ปีการศึกษา 2556) โรงเรียนพิจารณาว่า สามารถเปิดห้องเรียน ม.5 เพิ่มอีก 1 ห้อง เพื่อรองรับเด็กกลุ่มนี้จากภาคบ่ายเป็นภาคปกติ ได้หรือไม่ แต่อุปสรรคสำคัญคือโรงเรียนบดินทร์ฯอยู่ในภาวะขาดแคลนครูอย่างหนัก ตัวเลขสูงถึง 50 คน โอกาสจะเพิ่มห้องเรียนเป็นไปได้ยาก แต่ก็ให้โรงเรียนลองไปทำแผนดู ถ้าจำเป็นต้องจ้างครูเพิ่ม สพฐ.ก็พร้อมจะจัดอัตราจ้างให้
