หมอชี้ “พริตตี้กระแต” ขาดออกซิเจนเหตุทำให้สมองตาย คาดเกิดจากการแพ้ยา

พริตตี้ “กระแต” เหยื่อหมอเถื่อนฉีดฟิลเลอร์เสียชีวิตแล้วที่ รพ.กล้วยน้ำไท 1 แพทย์ชี้ขาดออกซิเจน ทำให้สมองตายและบวมจนไปกดทับก้านสมองศูนย์รวมเส้นประสาท คาดเกิดจากการแพ้ยา แต่ต้องรอผลพิสูจน์จากนิติเวชอีกครั้งหนึ่ง ด้านพ่อแม่สุดยื้อชีวิตลูกสาว จำใจถอดเครื่องช่วยหายใจออก หลังอาการไม่ดีขึ้น ลั่นไม่ให้อภัยหมอป๊อป เตรียมจัดทนายเอาเรื่องถึงที่สุด

วันนี้ (2 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 นพ.สุวินัย บุษราคัมวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 แถลงข่าวกรณี น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือกระแต อายุ 33 ปี อาชีพพริตตี้ ฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณสะโพกและเกิดอาการเป็นลม หมดสติ กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา โดยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เสียชีวิตลงแล้ว ว่า ตลอดระยะเวลา 15 วันที่รักษา น.ส.อาทิตยา พบว่า มีอาการทรงๆ ทรุดๆ จนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.อาทิตยา มีอาการความดันลดต่ำลง แพทย์จึงได้ให้ยาเพิ่มความดันแต่อาการไม่ดีขึ้น จึงได้ปรึกษากับพ่อแม่ของ น.ส.อาทิตยา ซึ่งตกลงใจที่จะให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจออก เนื่องจากหัวใจและชีพจนของ น.ส.อาทิตยา หยุดเต้นแล้ว แต่ยังหายใจได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ

นพ.สุวินัย กล่าวอีกว่า สาเหตุการเสียชีวิตในเบื้องต้นนั้น แพทย์วิเคราะห์ว่าเกิดจากการที่สมองขาดออกซิเจนนาน ทำให้เซลล์สมองตาย และสมองบวมจนไปกดทับก้านสมอง ซึ่งเป็นศูนย์รวมเส้นประสาท ทำให้ไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ และหัวใจหยุดเต้นลง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน ต้องรอให้ทางนิติเวชศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ นำร่างของ น.ส.อาทิตยา ไปผ่าพิสูจน์ให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง

“สาเหตุการเสียชีวิตของน้องกระแต คาดว่า เกิดได้จาก 2 สาเหตุ คือ 1.การแพ้ยา ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อาทิ ใจสั่น อึดอัด หายใจไม่ออก และอาจหยุดหายใจได้ 2.สารที่ฉีดของสู่ร่างกายเกิดรั่วไหลออกไปยังเส้นเลือด และไปอุดตันในส่วนที่เลือดจะไปเลี้ยงสมอง ซึ่งเคสของน้องกระแตน่าจะเป็นการแพ้สารมากกว่า อย่างไรก็ตามต้องรอผลพิสูจน์ทางนิติเวชอีกครั้งหนึ่ง” ผอ.รพ.กล้วยน้ำไท กล่าว

ด้าน นายละเมียด เอี่ยมใหญ่ อายุ 63 ปี บิดาของ น.ส.กระแต กล่าวว่า ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียลูกสาว ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว เนื่องจากประมาทไปใช้บริการฉีดฟิลเลอร์จากหมอเถื่อนด้วยความไม่รู้ จึงอยากฝากไปถึงหญิงสาวหรือผู้ที่มีความคิดจะไปทำศัลยกรรม หรือการฉีดฟิลเลอร์ ว่า อยากให้ลูกสาวของตนอุทาหรณ์ให้กับทุกคน และเป็นรายสุดท้ายที่เสียชีวิตด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้พบ “หมอป๊อป” หรือไม่ นายละเมียด กล่าวว่า ยังไม่เคยพบหมอป๊อปเลยสักครั้ง โดยตนตั้งใจจะเอาเรื่องหมอป๊อปให้ถึงที่สุด แต่จะให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการแทน หากหมอป๊อปจะมาขอโทษในเรื่องดังกล่าว ตนไม่มีทางให้อภัยเด็ดขาด เพราะหากผู้ที่ตายเป็นลูกสาวของหมอป๊อปเองจะรู้สึกอย่างไร

ทั้งนี้ ศพของ น.ส.อาทิตยา จะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดมงคลประชาราม พุทธมณฑล จ.นครปฐม ต่อไป