“หมอป๊อป” เลื่อนมาเยี่ยมและกราบขอขมาแม่น้องกระแตเป็นพรุ่งนี้

“ป๊อป” ผช.แพทย์ที่อ้างตัวเป็นหมอ หลังจากฉีดสารฟิลเลอร์เข้าที่สะโพกให้ “น้องกระแต” จนช็อกหมดสติกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานั้น ล่าสุดได้เลื่อนการมาเยี่ยมและการขอขมาแม่เหยื่อออกไปเป็นพรุ่งนี้ ด้านเพื่อนๆ พริตตี้สาวเคราะห์ร้ายโต้ “ป๊อป” กุข้อมูลฉีดวิตามินซีให้ตัวเองมีโทษน้อย

วันนี้ (24 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้าห้องไอซียู โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 กรณี น.ส.อาทิตยา หรือน้องกระแต เอี่ยมใหญ่ พริตตี้สาววัย 33 ปี ช็อกหมดสติ สมองขาดออกซิเจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลังเข้ารับการทำศัลยกรรมฉีดฟิลเลอร์เข้าสะโพกกับหมอเถื่อนที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าวว่า ยังคงมีกลุ่มเพื่อนพริตตี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเยี่ยมน้องกระแตกันตลอดเวลา โดยมีนายละเมียด เขตขันฑ์ กับนางระเบียบ ผินกลับ พ่อ-แม่ และกลุ่มญาติของน้องกระแตเฝ้าอาการอยู่หน้าห้องไอซียูอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

นางระเบียบ ผินกลับ มารดาของน้องกระแต กล่าวว่า โดยวันนี้ที่นายธนัช หรือป๊อป บอกว่าจะเดินทางเข้ามาเยี่ยมลูกสาวและขอขมากับตนในนั้น ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายธนัชแล้ว โดยเจ้าตัวแจ้งว่าจะเดินทางมาในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) เวลาประมาณ 10.00-11.00 น. แทน ส่วนอาการของกระแตนั้นตอนนี้แพทย์บอกให้ทำใจแล้วว่าลูกสาวอาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่ตนก็ยังหวังว่าลูกสาวจะฟื้นกลับมาอยู่

ขณะเดียวกัน กลุ่มเพื่อนพริตตี้ที่เดินทางมาเยี่ยมน้องกระแตได้อ่านข่าวที่นายธนัช ให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) ก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด นายธนัช ไม่ได้ฉีดแค่วิตามินซีให้ลูกค้าตามที่กล่าวอ้าง สิ่งที่เจ้าตัวพูดออกมาน่าจะเป็นการพูดให้ตัวเองมีความผิดน้อยที่สุดมากกว่า

นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 และแพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า สำหรับอาการคนไข้ในวันนี้ยังทรงตัวไม่รู้สึกตัวเช่นเดิม สมองยังบวม ม่านตาขยาย กระตุ้นแล้วไม่มีการตอบสนอง ยังต้องให้ยาลดอาการสมองบวมและยาบำรุงสมองอยู่เช่นเดิม แต่ผลเลือด ความดันโลหิต และเกลือแร่ในร่างกายนั้นดีขึ้น ส่วนเรื่องระดับน้ำตาลนั้นยังต้องฉีดยาควบคุมอยู่

ทั้งนี้เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ได้ลองให้อาหารคนไข้ทางสายยางดูว่าร่างกายจะรับหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทดลองให้อาหารทางสายยางแล้วแต่ร่างกายคนไข้ไม่ตอบรับ ซึ่งในวันนี้ร่างกายคนไข้ก็ยังไม่ค่อยตอบรับมากนัก อาหารยังย่อยไม่หมด อย่างไรก็ตามหากเวลาผ่านไปนานขึ้น โอกาสที่คนไข้จะฟื้นขึ้นมาหรือสมองกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้นก็น้อยลงไปเรื่อยๆ หรืออาจจะไม่มีเลย