แพทย์เตือนโจ๋ไทย อย่าอุตริฉีดน้ำเกลือเข้าหน้าผากตามแฟชั่นแดนอาทิตย์อุทัย ชี้ เสี่ยงเบียดหลอดลมจนหายใจไม่ออก หากอุดหลอดเลือดบริเวณดวงตาอาจตาบอด หรืออักเสบติดเชื้อได้
วันนี้ (27 ก.ย.) พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์กรณีแฟชั่นฉีดน้ำเกลือเข้าหน้าผากของวัยรุ่นญี่ปุ่น ว่า เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง และมีความเป็นห่วงวัยรุ่นไทยที่อาจทำตามแฟชั่นดังกล่าว เพื่อสร้างความแตกต่างให้คนหันมาสนใจรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งที่การแต่งกายภายนอกนั้นปลอดภัยกว่าการฉีดสารต่างๆ เข้าร่างกาย เพราะการฉีดน้ำเกลือเข้าใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
พญ.วิลาวัณย์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าน้ำเกลือจะเป็นสารน้ำที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย คนส่วนใหญ่คิดว่าปลอดภัย แต่ในทางปฏิบัติอาจเกิดผลแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์หลายประการ ได้แก่ น้ำเกลืออาจรั่วซึมเข้าไปในชั้นพังผืดเหนือกะโหลกศีรษะ ไหลเซาะลงเปลือกตา แก้ม คาง คอ ไปกดทับอวัยวะสำคัญ เช่น เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหรือเส้นเลือดดำจากสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เกิดอาการมึนงง สมองตื้อ หากน้ำเกลือที่บวมอยู่ไปกดทับเส้นประสาทเหนือคิ้วและขมับทั้ง 2 ข้างจะทำให้เส้นประสาทไม่ทำงาน มีอาการชาที่ใบหน้า หรือกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงได้
“ผิวหนังบริเวณที่ฉีดน้ำเกลือเข้าไปจะตึงจนเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงไม่สะดวก เกิดการขาดเลือด จนผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณนั้นเน่าตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นน้ำเกลือที่ใช้ฉีดเป็นชนิดไฮเปอร์โทนิค (Hypertonic) ซึ่งเป็นน้ำเกลือชนิดที่มีความเข้มข้นสูง มีรายงานทางการแพทย์ว่าทำให้ผิวหนังเน่าตายได้” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
พญ.วิลาวัณย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ หากน้ำเกลือไหลมาถึงบริเวณคอจะไปกดเบียดหลอดลม ทำให้หายใจไม่ออกจนเสียชีวิตได้ หรือหากมีลมรั่วเข้ามากับน้ำเกลือที่ฉีดบริเวณใกล้ตา อาจอุดตันเส้นเลือดจนทำให้การมองเห็นผิดปกติ และตาบอดชั่วคราวได้ และหากผู้ฉีดไม่มีความรู้ ใช้อุปกรณ์ หรือน้ำเกลือที่ไม่สะอาด อาจทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบติดเชื้อ รุนแรงจนเสียโฉม หรือเสียชีวิตได้เช่นกัน
วันนี้ (27 ก.ย.) พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์กรณีแฟชั่นฉีดน้ำเกลือเข้าหน้าผากของวัยรุ่นญี่ปุ่น ว่า เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง และมีความเป็นห่วงวัยรุ่นไทยที่อาจทำตามแฟชั่นดังกล่าว เพื่อสร้างความแตกต่างให้คนหันมาสนใจรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งที่การแต่งกายภายนอกนั้นปลอดภัยกว่าการฉีดสารต่างๆ เข้าร่างกาย เพราะการฉีดน้ำเกลือเข้าใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
พญ.วิลาวัณย์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าน้ำเกลือจะเป็นสารน้ำที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย คนส่วนใหญ่คิดว่าปลอดภัย แต่ในทางปฏิบัติอาจเกิดผลแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์หลายประการ ได้แก่ น้ำเกลืออาจรั่วซึมเข้าไปในชั้นพังผืดเหนือกะโหลกศีรษะ ไหลเซาะลงเปลือกตา แก้ม คาง คอ ไปกดทับอวัยวะสำคัญ เช่น เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหรือเส้นเลือดดำจากสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เกิดอาการมึนงง สมองตื้อ หากน้ำเกลือที่บวมอยู่ไปกดทับเส้นประสาทเหนือคิ้วและขมับทั้ง 2 ข้างจะทำให้เส้นประสาทไม่ทำงาน มีอาการชาที่ใบหน้า หรือกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงได้
“ผิวหนังบริเวณที่ฉีดน้ำเกลือเข้าไปจะตึงจนเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงไม่สะดวก เกิดการขาดเลือด จนผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณนั้นเน่าตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นน้ำเกลือที่ใช้ฉีดเป็นชนิดไฮเปอร์โทนิค (Hypertonic) ซึ่งเป็นน้ำเกลือชนิดที่มีความเข้มข้นสูง มีรายงานทางการแพทย์ว่าทำให้ผิวหนังเน่าตายได้” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
พญ.วิลาวัณย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ หากน้ำเกลือไหลมาถึงบริเวณคอจะไปกดเบียดหลอดลม ทำให้หายใจไม่ออกจนเสียชีวิตได้ หรือหากมีลมรั่วเข้ามากับน้ำเกลือที่ฉีดบริเวณใกล้ตา อาจอุดตันเส้นเลือดจนทำให้การมองเห็นผิดปกติ และตาบอดชั่วคราวได้ และหากผู้ฉีดไม่มีความรู้ ใช้อุปกรณ์ หรือน้ำเกลือที่ไม่สะอาด อาจทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบติดเชื้อ รุนแรงจนเสียโฉม หรือเสียชีวิตได้เช่นกัน