“กำจร” เผย กองทุนตั้งตัวอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน รอทุกอย่างพร้อมส่งให้ นายกฯลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษา พร้อม เผย คาดปี 2556 มีเป้าหมายกู้ 5 พันราย
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยภายหลังประชุมความคืบหน้าการดำเนินการกองทุนตั้งตัวได้ โดยมี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดทำรายละเอียดเพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้ระเบียบและข้อบังคับต่างๆ อยู่ในขั้นตอนการตีความ และตรวจสอบความถูกต้องจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเมื่อการดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยก็จะนำเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามพร้อมประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนดังกล่าวแล้วจะมีการตั้งคณะกรรมการนโยบาย เพื่อทำหน้าที่ออกระเบียบ กติกาการดำเนินงานต่างๆ ของกองทุน ต่อจากนั้น จะมีคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เกิดขึ้นเพื่อตั้งสำนักบริหารงานกองทุนฯ ซึ่งก็จะเริ่มดำเนินงานได้อย่างเต็มตัว โดยจะต้องเร่งทำการประชาสัมพันธ์ ทำการอบรมมหาวิทยาลัยต่างๆ ถึงวิธีการไปอบรมนักศึกษาให้มีความรู้ทางด้านธุรกิจ
สำหรับนักศึกษาที่มีไอเดียทำธุรกิจที่ดีจะเข้าสู่ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจของมหาวิทยาลัย หลังจากนั้น ศูนย์บ่มเพาะฯ จะเข้ามาช่วยนักศึกษาทำแผนธุรกิจ หากพบว่าแผนธุรกิจของเด็กมีความเป็นไปได้สูง ก็จะจัดส่งต่อแผนธุรกิจไปยังธนาคารเพื่อพิจารณาความเสี่ยง หากธนาคารเห็นว่าพอรับได้ก็จะเสนอแผนธุรกิจของเด็กมายังสำนักบริหารกองทุนฯ พิจารณาความเสี่ยงอีกครั้งรวมทั้งพิจารณาอนมุมัติจำนวนเงินตามความเหมาะสมเพื่อให้นักศึกษากู้ยืมทำธุรกิจต่อไปโดยจะโอนเงินไปยังธนาคารในพื้นที่ที่เด็กอยู่และจ่ายเงินเป็นงวด
“หน้าที่ของมหาวิทยาลัยจะต้องติดตามด้วยว่าธุรกิจที่เด็กลงทุนเป็นเช่นไร มีโอกาสสำเร็จตามแผนธุรกิจหรือไม่ รวมทั้งต้องกำกับติดตามด้วยว่ารายจ่ายและรายรับสอดคล้องหรือไม่ หากไม่เป็นตามแผนธุรกิจต้องส่งสัญญาณเตือนไปยังเด็กโดยเราจะกำหนดไว้ว่าควรจะต้องส่งสัญญาณเตือนกี่ครั้งหากครบตามนั้นยังไม่ดีขึ้นก็จะยุติการให้กู้และให้ดำเนินการใช้หนี้คืนต่อไป ทั้งนี้ ได้กำหนดวงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยเรามีเงินทุน 5,000 ล้านบาท คาดว่าในปีงบประมาณ 2556 จะได้เป้าหมาย 5,000 ราย ส่วนการใช้เงินคืนนั้นจะปรากฎอยู่ในแผนธุรกิจของเด็ก เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยก็ต้องพิจารณาจากแผนธุรกิจด้วย แต่เราได้มีข้อตกลงกับทางธนาคารทั้งของรัฐ เว้นธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารพาณิชย์ซึ่งเข้าร่วมแล้วจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าท้องตลาด” รศ.นพ.กำจร กล่าว
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยภายหลังประชุมความคืบหน้าการดำเนินการกองทุนตั้งตัวได้ โดยมี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดทำรายละเอียดเพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้ระเบียบและข้อบังคับต่างๆ อยู่ในขั้นตอนการตีความ และตรวจสอบความถูกต้องจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเมื่อการดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยก็จะนำเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามพร้อมประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนดังกล่าวแล้วจะมีการตั้งคณะกรรมการนโยบาย เพื่อทำหน้าที่ออกระเบียบ กติกาการดำเนินงานต่างๆ ของกองทุน ต่อจากนั้น จะมีคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เกิดขึ้นเพื่อตั้งสำนักบริหารงานกองทุนฯ ซึ่งก็จะเริ่มดำเนินงานได้อย่างเต็มตัว โดยจะต้องเร่งทำการประชาสัมพันธ์ ทำการอบรมมหาวิทยาลัยต่างๆ ถึงวิธีการไปอบรมนักศึกษาให้มีความรู้ทางด้านธุรกิจ
สำหรับนักศึกษาที่มีไอเดียทำธุรกิจที่ดีจะเข้าสู่ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจของมหาวิทยาลัย หลังจากนั้น ศูนย์บ่มเพาะฯ จะเข้ามาช่วยนักศึกษาทำแผนธุรกิจ หากพบว่าแผนธุรกิจของเด็กมีความเป็นไปได้สูง ก็จะจัดส่งต่อแผนธุรกิจไปยังธนาคารเพื่อพิจารณาความเสี่ยง หากธนาคารเห็นว่าพอรับได้ก็จะเสนอแผนธุรกิจของเด็กมายังสำนักบริหารกองทุนฯ พิจารณาความเสี่ยงอีกครั้งรวมทั้งพิจารณาอนมุมัติจำนวนเงินตามความเหมาะสมเพื่อให้นักศึกษากู้ยืมทำธุรกิจต่อไปโดยจะโอนเงินไปยังธนาคารในพื้นที่ที่เด็กอยู่และจ่ายเงินเป็นงวด
“หน้าที่ของมหาวิทยาลัยจะต้องติดตามด้วยว่าธุรกิจที่เด็กลงทุนเป็นเช่นไร มีโอกาสสำเร็จตามแผนธุรกิจหรือไม่ รวมทั้งต้องกำกับติดตามด้วยว่ารายจ่ายและรายรับสอดคล้องหรือไม่ หากไม่เป็นตามแผนธุรกิจต้องส่งสัญญาณเตือนไปยังเด็กโดยเราจะกำหนดไว้ว่าควรจะต้องส่งสัญญาณเตือนกี่ครั้งหากครบตามนั้นยังไม่ดีขึ้นก็จะยุติการให้กู้และให้ดำเนินการใช้หนี้คืนต่อไป ทั้งนี้ ได้กำหนดวงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยเรามีเงินทุน 5,000 ล้านบาท คาดว่าในปีงบประมาณ 2556 จะได้เป้าหมาย 5,000 ราย ส่วนการใช้เงินคืนนั้นจะปรากฎอยู่ในแผนธุรกิจของเด็ก เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยก็ต้องพิจารณาจากแผนธุรกิจด้วย แต่เราได้มีข้อตกลงกับทางธนาคารทั้งของรัฐ เว้นธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารพาณิชย์ซึ่งเข้าร่วมแล้วจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าท้องตลาด” รศ.นพ.กำจร กล่าว
