เครือข่ายเยาวชนฯ บุก สธ.หลังคาใจมาตรการคุมเหล้าปั่น-โซนนิงร้านเหล้ารอบสถานศึกษาถูกดองนาน 3 ปี พร้อมโชว์ผลสำรวจ พบวัยโจ๋ 69% ต้องการให้ควบคุมร้านเหล้า วอน “รมว.สธ.” เร่งเดินหน้า
วันนี้ (19 ก.ย.) เวลา 09.30 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮอล์ มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนาและภาคีเครือข่าย 9 องค์กร กว่า 150 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้เร่งออกมาตรการควบคุมเหล้าปั่นและจัดระเบียบร้านเหล้ารอบสถานศึกษาเพื่อลดปัญหาและผลกระทบต่อเด็กเยาวชน นอกจากนี้ เครือข่ายเยาวชนฯได้แสดงละครล้อเลียนเพื่อสะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาโดยมีกลุ่มคนที่กอบโกยจากการมอมเมานักศึกษา
นางสาวนิตยา นาลาด แกนนำเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ที่รวมตัวกันมาในวันนี้เพราะเยาวชนอยากให้กระทรวงสาธารณสุขควบคุมร้านเหล้าปั่นและร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ที่หนาแน่นขยายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับที่เครือข่ายเยาวชนฯได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความคิดเห็น “การจัดสภาพแวดล้อมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา” ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา 1,360 ราย จาก 15 สถาบัน เมื่อวันที่ 1-10 ก.ย.2555 ที่ผ่านมา พบกลุ่มตัวอย่าง 70% เห็นว่า ร้านเหล้ารอบสถาบันการศึกษาเป็นปัจจัยทำให้อยากดื่ม 71% เห็นว่า ไม่ควรมีร้านเหล้ารอบสถานศึกษา เพราะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท เสียการเรียน เสียงดังรบกวน เสียสุขภาพ ถูกคุกคามทางเพศ และอาชญากรรม และ 69% เห็นด้วยกับการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา เพราะจะช่วยลดผลกระทบและลดนักดื่มหน้าใหม่ได้ ส่วนสาเหตุที่ไม่มีมาตรการควบคุมอย่างจริงจังเพราะเกิดจากอิทธิพลและผลประโยชน์
นางสาวนิตยา กล่าวด้วยว่า ในการสำรวจที่ทำไปก่อนหน้านี้ ยังพบด้วยว่า เยาวชน 75% เคยดื่มเหล้าปั่นด้วย และเพื่อเป็นของขวัญเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ปี 2555 เครือข่ายจึงขอแสดงจุดยืนและเสนอมาตรการต่อกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล ดังนี้1.ขอขอบคุณที่รัฐบาลออกมาตรการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนถนน และในรถขณะวิ่งบนทาง เพื่อลดผลกระทบและปกป้องเด็กและเยาวชน 2.รัฐบาลควรเร่งออกกฎหมายลูกเพื่อมาควบคุมการผลิตและจำหน่ายเหล้าปั่น ซึ่งควรคลอบคลุมไปถึงไอศกรีมผสมเหล้ากาแฟผสมเหล้า และน้ำผลไม้ผสมเหล้าด้วย เพราะเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายมอมเมาเด็กและเยาวชนโดยตรง และ 3.รัฐบาลควรมีมาตรการทางกฎหมายควบคุมและจัดระเบียบ (โซนนิ่ง) ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาและนำสู่การปฏิบัติงานของหน่วยงานในพื้นที่อย่างจริงจัง
“รัฐบาลควรมีมาตรการที่ออกมาปกป้องเด็กและเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่ารับปากและหายไปดังเช่นที่ผ่านมา เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นการจัดโซนนิ่งร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ออกเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้ ทั้งที่สามารถออกได้ตามอำนาจของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551” นางสาวนิตยา กล่าว
ด้านนายสุเทพ สดชื่น ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า มาตรการทั้ง 2 มาตรการเครือข่ายเยาวชนฯได้ผลักดันมาตลอดทุกรัฐบาล แต่กลับไม่ได้รับการใส่ใจ จึงมีผลกระทบเกิดขึ้นตามมากับเด็กและเยาวชนแทบทุกวัน ทำให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่ปีละกว่า 25,000 คน อย่างไรก็ตาม ตนอยากเห็นความกล้าหาญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า จะมีความจริงจังกับมาตรการดังกล่าว เช่นเดียวกับการออกมาตรการห้ามดื่มเหล้าบนรถ ซึ่งท่านได้ทำสำเร็จมาแล้ว เหลือเพียงแต่การบังคับใช้กฎหมายและรณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันต่อไป
วันนี้ (19 ก.ย.) เวลา 09.30 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮอล์ มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนาและภาคีเครือข่าย 9 องค์กร กว่า 150 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้เร่งออกมาตรการควบคุมเหล้าปั่นและจัดระเบียบร้านเหล้ารอบสถานศึกษาเพื่อลดปัญหาและผลกระทบต่อเด็กเยาวชน นอกจากนี้ เครือข่ายเยาวชนฯได้แสดงละครล้อเลียนเพื่อสะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาโดยมีกลุ่มคนที่กอบโกยจากการมอมเมานักศึกษา
นางสาวนิตยา นาลาด แกนนำเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ที่รวมตัวกันมาในวันนี้เพราะเยาวชนอยากให้กระทรวงสาธารณสุขควบคุมร้านเหล้าปั่นและร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ที่หนาแน่นขยายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับที่เครือข่ายเยาวชนฯได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความคิดเห็น “การจัดสภาพแวดล้อมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา” ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา 1,360 ราย จาก 15 สถาบัน เมื่อวันที่ 1-10 ก.ย.2555 ที่ผ่านมา พบกลุ่มตัวอย่าง 70% เห็นว่า ร้านเหล้ารอบสถาบันการศึกษาเป็นปัจจัยทำให้อยากดื่ม 71% เห็นว่า ไม่ควรมีร้านเหล้ารอบสถานศึกษา เพราะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท เสียการเรียน เสียงดังรบกวน เสียสุขภาพ ถูกคุกคามทางเพศ และอาชญากรรม และ 69% เห็นด้วยกับการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา เพราะจะช่วยลดผลกระทบและลดนักดื่มหน้าใหม่ได้ ส่วนสาเหตุที่ไม่มีมาตรการควบคุมอย่างจริงจังเพราะเกิดจากอิทธิพลและผลประโยชน์
นางสาวนิตยา กล่าวด้วยว่า ในการสำรวจที่ทำไปก่อนหน้านี้ ยังพบด้วยว่า เยาวชน 75% เคยดื่มเหล้าปั่นด้วย และเพื่อเป็นของขวัญเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ปี 2555 เครือข่ายจึงขอแสดงจุดยืนและเสนอมาตรการต่อกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล ดังนี้1.ขอขอบคุณที่รัฐบาลออกมาตรการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนถนน และในรถขณะวิ่งบนทาง เพื่อลดผลกระทบและปกป้องเด็กและเยาวชน 2.รัฐบาลควรเร่งออกกฎหมายลูกเพื่อมาควบคุมการผลิตและจำหน่ายเหล้าปั่น ซึ่งควรคลอบคลุมไปถึงไอศกรีมผสมเหล้ากาแฟผสมเหล้า และน้ำผลไม้ผสมเหล้าด้วย เพราะเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายมอมเมาเด็กและเยาวชนโดยตรง และ 3.รัฐบาลควรมีมาตรการทางกฎหมายควบคุมและจัดระเบียบ (โซนนิ่ง) ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาและนำสู่การปฏิบัติงานของหน่วยงานในพื้นที่อย่างจริงจัง
“รัฐบาลควรมีมาตรการที่ออกมาปกป้องเด็กและเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่ารับปากและหายไปดังเช่นที่ผ่านมา เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นการจัดโซนนิ่งร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ออกเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้ ทั้งที่สามารถออกได้ตามอำนาจของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551” นางสาวนิตยา กล่าว
ด้านนายสุเทพ สดชื่น ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า มาตรการทั้ง 2 มาตรการเครือข่ายเยาวชนฯได้ผลักดันมาตลอดทุกรัฐบาล แต่กลับไม่ได้รับการใส่ใจ จึงมีผลกระทบเกิดขึ้นตามมากับเด็กและเยาวชนแทบทุกวัน ทำให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่ปีละกว่า 25,000 คน อย่างไรก็ตาม ตนอยากเห็นความกล้าหาญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า จะมีความจริงจังกับมาตรการดังกล่าว เช่นเดียวกับการออกมาตรการห้ามดื่มเหล้าบนรถ ซึ่งท่านได้ทำสำเร็จมาแล้ว เหลือเพียงแต่การบังคับใช้กฎหมายและรณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันต่อไป
