7 องค์กรตบเท้าขอบคุณ “ยิ่งลักษณ์” หลังลงนามออกกฎหมายใหม่ 2 ฉบับ ห้ามขาย-ห้ามดื่มในโรงงาน และห้ามดื่มบนทางขณะขับขี่รถทุกชนิด วอนทุกฝ่ายบังคับใช้จริงจังหวังลดผลกระทบ
วันนี้ (14 ส.ค.) เวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) พร้อมด้วย เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และ กว่า 30 คน เข้าพบ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอบคุณที่ลงนามในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนกฎหมายตาม พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่ 1.การห้ามขายหรือห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ประกอบกิจการ โรงงาน ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ซึ่งประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 90 วัน หลังจากลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ วันที่ 7 ส.ค.2555 และ 2.เรื่องการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะขณะขับขี่ หรือโดยสารอยู่บนรถทุกประเภท โดยจะมีผลบังคับใช้ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ บังคับใช้วันที่ 8 ส.ค.2555 ซึ่งทั้งสองมาตรการเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดปัญหาสังคม และผลกระทบที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์โดยการทำเครื่องหมายถูกผิดบนภาพการ์ตูนล้อเลียนการดื่ม และไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ
ภก.สงกรานต์ กล่าวภายหลังว่า ภาคีเครือข่ายขอขอบพระคุณรัฐบาล ที่มีความจริงใจ มุ่งมั่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างเป็นรูปธรรม และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากในโอกาสต่อไปรัฐบาลจะพิจารณามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน อาทิ การควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา การห้ามขายเหล้าปั่น การควบคุมและการขึ้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จากความมุ่งมั่นของรัฐบาล จะทำให้ประเทศไทยยืนอยู่แถวหน้าระดับสากล ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สอดคล้องกับนโยบายขององค์การอนามัยโลกที่ต้องการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ อย่างจริงจัง เพราะกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
ทั้งสองมาตรการเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นมาตรการใหม่ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้กว้างขวาง รวมถึงเร่งทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ในนามของภาคประชาชนที่มีส่วนร่วมผลักดันมาตรการนี้ เรายินดีสนับสนุน และมีส่วนร่วมรณรงค์สร้างการรับรู้และเฝ้าระวังการบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างเต็มที่
ด้าน นางสาวประนอม เชียงอั๋ง ประธานสหภาพแรงงานกิจการสิ่งทอ (วาไทย) กล่าวว่า ในนามของกลุ่มผู้ใช้แรงงานต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ออกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมา เพราะจะช่วยเป็นเครื่องมือในการบังคับใช้ให้กับสถานประกอบการโรงงานได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา ระเบียนมาตรการข้อบังคับต่างๆ ยังไม่ครอบคลุมและไม่ชัดเจน จึงทำให้สถานประกอบการบางแห่งไม่สามารถดำเนินการกับพนักงานที่ไม่ทำตามกฎของสถานประกอบการ ซึ่งคาดว่า เมื่อมาตรการดังกล่าวมีผลทางกฎหมายแล้วต่อไปการทำงานของพนักงานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขาด ลา มาสาย จะลดน้อยลง ส่วนด้านผู้ประกอบการ คาดว่า จะได้รับผลประกอบการไปในทิศทางที่ดี เพราะที่ผ่านมา สถานการณ์การดื่มในโรงงาน ถือว่าย่ำแย่จนทำให้การว่างงาน อุบัติเหตุ ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงเกิดขึ้น และเชื่อว่า กฎหมายที่ออกมาจะทำให้สถิติอุบัติเหตุจากการเมาลดลงแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่อกฎหมายออกมาแล้วควรมีการติดตามผลการบังคับใช้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประกอบการว่าเอาจริงเอาจังและเข้มงวดกับมาตรการดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน