“พระเทพวิสุทธิกวี” ชี้ “พระพุทธเจ้า” เท่านั้นที่รู้เห็นเรื่องภพชาติ พระอรหันต์บางองค์ยังไม่มีญาณหยั่งรู้ และศาสนาสอนให้รักษาศีล 5 และกลัวบาปจะเกิดชาติภพที่ดี ขณะที่ “พระพยอม” ชี้ กรณีวัดพระธรรมกาย หมิ่นเหม่อวดตนไม่ถูกต้องทางพระธรรมวินัย ระบุ พระพุทธเจ้าสอนให้เข้าญาณ วิปัสสนาเพื่อให้เห็นหนทางดับทุกข์ ไม่ใช่อวดตน เพราะมีแต่สร้างความปั่นป่วน แนะคนไทยใช้สติไตร่ตรองเหตุใดมีแต่วัดนี้เห็นวัดเดียว อย่าหลงเชื่อปาฏิหาริย์ชวนพุทธไม่ควรสนับสนุน แนะหากมองเห็นจริงก็ให้มาดูเหตุการณ์ทางใต้ดีกว่าเพื่อช่วยเหลือประเทศ
พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณี “พระธัมมชโย” อ้างใช้ญาณตรวจสอบภพภูมิ “สตีฟ จ็อบส์” หลังตาย พบไปเกิดเป็น “ภุมมะเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์” ว่า ผู้ที่จะรู้เรื่องภพชาติได้นั้น จะเป็นผู้ที่มีอภิญญาจิต ซึ่งมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น พระอรหันต์บางองค์ยังไม่มีญาณรู้ได้ อีกอย่างตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ถือศีล ภาวนาจิต คือ รักษาศีล 5 และกลัวบาป ก็สามารถเกิดในชาติภพที่ดี
“การทำบุญ บริจาคทาน แล้วได้บุญ ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่เป็นการทำบุญในเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งการบริจาคจะต้องไม่ทำให้ตนเองและครอบครัวเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราไม่ได้ทำบุญสักบาท แต่รักษาศีล ภาวนา ทำให้จิตใจบริสุทธิ์ ก็ได้บุญแล้ว” พระเทพวิสุทธิกวี กล่าว
ด้าน พระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) กล่าวว่า ในทางพระพุทธศาสนามีว่าเมื่อตายแล้วจะไปเกิดในภพ ภูมิใด หรือเทวดาในชั้นจาตุรมหาราชิกา นั้นก็มี เพียงแต่ต้องดูด้วยว่าคนๆ นั้นเข้าถึงธรรมในระดับใด ไม่ผุดไม่เกิดไม่เวียนว่ายตายเกิด หรือยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ซึ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาหากคนตายจะเกิดก็ต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้นคงไม่เป็นอย่างที่วัดพระธรรมกาย ระบุว่า ไปอยู่ในภพภูมินั้น เกิดเป็น “ภุมมะเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์” เพราะ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ เพิ่งตายไม่ใช่หรือ อีกทั้งใครจะเป็นผู้รับรองว่าเห็นเช่นเดียวกับที่ทางวัดพระธรรมกาย บอกว่า เห็นจริง แล้วจะได้ประโยชน์กับการทำเรื่องนี้ ได้ประโยชน์อะไรกับการดับทุกข์
“การวิปัสสนา การเข้าญาณ ที่ถูกต้องนั้น ประโยชน์ก็เพื่อให้เราได้เห็นกิเลส ได้เรียนรู้เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ เห็นหนทางแห่งการดับทุกข์ ไม่ใช่เห็นว่าใครไปเกิดเป็นอะไรสิ่งนี้ไม่ใช้แนวทางของการวิปัสสนาและไม่มีใครรับรองได้ หนักเข้าจะกลายเป็นการอวดอ้างตน ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อความไม่ถูกต้องทางพระธรรมวินัย และไม่ใช่แนวทางที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ซึ่งไปดูได้ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่หนทางดับทุกข์ไม่สอนและไม่สรรเสริญให้ทำเรื่องเช่นนี้ นอกเสียจากพระที่จะทำยังไงให้ได้ชื่อเสียง เพราะฉะนั้น การทำแบบนี้เป็นการโปรโมตสำนักตนเองว่าเก่ง มีผู้วิเศษ ซึ่งมีการทำแบบนี้มานาน คนที่เขารู้ทันเขาก็นั่งขำ แต่หากรู้ไม่ทัน เชื่อง่าย งมงายไม่คิดถึงหลักเหตุและผลก็จะหลงเชื่อ สุดท้ายก็ทำให้ศาสนาปั่นป่วน เกิดการโต้เถียงกัน ต่อไปคนอยากรู้ว่าญาติตายไปไหนก็จะไปวัดพระธรรมกาย ยิ่งสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น อีกทั้งเรื่องการสร้างปาฏิหาริย์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกจริตของคนไทย เป็นแนวนี้ที่จูงใจคนที่ต้องการ โลภลาภ-ลาภโลภ” พระพยอม กล่าว
พระพยอม กล่าวต่อว่า ไม่ว่าใครจะนำเสนออะไรก็ตามขอให้ใช้สติปัญญาในการคิดหาเหตุผลและไตร่ตรองด้วย เช่น เหตุใดเรื่องนี้ จึงเห็นอยู่วัดเดียว เหตุใดวัดอื่นไม่เห็นไม่มีญาณที่สูงพอหรือ และเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องกิเลส ดังนั้น ต้องระวังชาวพุทธไม่ควรสนับสนุน ส่วนที่การกระทำลักษณะนี้หมิ่นเหม่ต่อการอวดอ้างก็ต้องดูต่อไปว่าสำนักพระพุทธศาสนาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป อาจจะไปเตือนกันภายในเงียบๆ อย่างไรก็ตาม อาตมาเห็นว่าหากมองเห็นได้จริงก็น่าจะเอาไปมองในเหตุการณ์ใกล้ๆ เช่น เหตุการณ์ภาคใต้จะถูกวางระเบิดเมื่อไร เพื่อที่จะได้ระวังตัวทหารเราจะได้ไม่ตาย แบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชาติมากกว่าเพราะได้ช่วยเหลือประเทศ