สภาการศึกษา ชี้ ไทยด้อยภาษาอังกฤษกว่าเวียดนาม หวั่นเปิดเสรีอาเซียน ทำไทยเสียเปรียบเพื่อนบ้าน แนะการปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาต้องรื้อทั้งระบบ รวมถึงระบบราชการต้องหัดใช้ภาษาอังกฤษเพิ่ม
ดร.เอนก เพิ่มเสนีย์วงศ์ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า ตนได้ประชุมเรื่องการใช้ภาษาต่างประเทศของประเทศอาเซียน+3 พบว่า งานวิจัยที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ บอกว่า คนไทยในภาพรวมเรามีความสามารถด้านภาษาอังกฤษด้วยกว่าประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 5 โดยอันดับ 1 ในประเทศอาเซียน คือ ประเทศสิงคโปร์ รองลงมาคือ ประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ เวียดนาม ตามลำดับ ซึ่งถือว่าประเทศไทยมีปัญหาด้านการศึกษาทั้งในระบบ และนอกระบบ เนื่องจากไม่มียุทธศาสตร์และนโยบายด้านภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน จึงเสนอว่าประเทศไทยควรจะมีการปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาอย่างเป็นระบบ สภาการศึกษาและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญด้วย
“ที่ผ่านมา ประเทศไทยมักจะกระเตื้อง ก็ต่อเมื่อจะเผชิญหน้ากับปัญหาแล้วค่อยมาแก้ไข ซึ่งอีกไม่ถึง 3 ปี เราจะเปิดเสรีอาเซียนแล้ว แต่ภาษาอังกฤษของเรายังด้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน จึงคิดว่าต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างการศึกษา และต้องเร่งทำยุทธศาสตร์เพื่อเปลี่ยนวิธีคิดด้านการเรียนรู้ภาษา โดยสร้างการเรียนการสอนภาษาให้เป็นรูปธรรม และทำอย่างไรจะให้ภาษามีความสำคัญในทุกวิชาชีพ และต้องปลูกฝังให้เด็กนักเรียนรู้ประโยชน์ของการเรียนภาษาอังกฤษว่าเรียนแล้วจะมีประโยชน์ต่ออนาคตอย่างไร เพราะที่ผ่านมา เด็กเรียนภาษาอังกฤษอย่างไม่มีจุดหมาย ต่อไปเราต้องสร้างเป้าหมายของการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อสามารถสื่อสารทำธุรกิจกับต่างชาติได้ เพราะอนาคตจะมีคนจากชาติต่างๆ เข้ามาทำการธุรกิจแข่งกับเรามากขึ้น ถ้าเรายังด้อยภาษาเราก็เสียเปรียบ” เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าว
ดร.เอนก กล่าวอีกว่า หากจะปฏิรูปโครงสร้างการศึกษา ทุกระบบต้องเปลี่ยนหมด แม้แต่ระบบราชการที่เดิมใช้เพียงภาษาไทย อาจจะต้องใช้ภาษาอังกฤษ เพิ่มขึ้นในองค์กร และเมื่อเปิดเสรีอาเซียน นอกจากภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องเรียนรู้แล้ว ต้องเรียนรู้ภาษาเพื่อนบ้านให้เป็นภาษาที่ 3 ด้วย เช่น ภาษาพม่า ภาษาลาว และเวียดนาม เพราะประชากรจากประเทศเหล่านี้จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ถ้าเราสามารถสื่อสารภาษาเขาได้ เราก็ได้เปรียบ โดยให้เริ่มจากจังหวัดที่อยู่ใกล้ประเทศนั้นๆ เพื่อใช้ในการสื่อสารทำธุรกิจการค้าร่วมกัน ซึ่งมองว่า อนาคตอีก 20 ปีข้างหน้าคนไทยต้องสามารถสื่อสารได้มากกว่า 2 ภาษา หากไม่เร่งดำเนินการเรื่องนี้ประเทศไทยก็จะเสียเปรียบและเสียโอกาสในทุกๆ เรื่อง
ดร.เอนก เพิ่มเสนีย์วงศ์ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยว่า ตนได้ประชุมเรื่องการใช้ภาษาต่างประเทศของประเทศอาเซียน+3 พบว่า งานวิจัยที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ บอกว่า คนไทยในภาพรวมเรามีความสามารถด้านภาษาอังกฤษด้วยกว่าประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 5 โดยอันดับ 1 ในประเทศอาเซียน คือ ประเทศสิงคโปร์ รองลงมาคือ ประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ เวียดนาม ตามลำดับ ซึ่งถือว่าประเทศไทยมีปัญหาด้านการศึกษาทั้งในระบบ และนอกระบบ เนื่องจากไม่มียุทธศาสตร์และนโยบายด้านภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน จึงเสนอว่าประเทศไทยควรจะมีการปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาอย่างเป็นระบบ สภาการศึกษาและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญด้วย
“ที่ผ่านมา ประเทศไทยมักจะกระเตื้อง ก็ต่อเมื่อจะเผชิญหน้ากับปัญหาแล้วค่อยมาแก้ไข ซึ่งอีกไม่ถึง 3 ปี เราจะเปิดเสรีอาเซียนแล้ว แต่ภาษาอังกฤษของเรายังด้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน จึงคิดว่าต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างการศึกษา และต้องเร่งทำยุทธศาสตร์เพื่อเปลี่ยนวิธีคิดด้านการเรียนรู้ภาษา โดยสร้างการเรียนการสอนภาษาให้เป็นรูปธรรม และทำอย่างไรจะให้ภาษามีความสำคัญในทุกวิชาชีพ และต้องปลูกฝังให้เด็กนักเรียนรู้ประโยชน์ของการเรียนภาษาอังกฤษว่าเรียนแล้วจะมีประโยชน์ต่ออนาคตอย่างไร เพราะที่ผ่านมา เด็กเรียนภาษาอังกฤษอย่างไม่มีจุดหมาย ต่อไปเราต้องสร้างเป้าหมายของการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อสามารถสื่อสารทำธุรกิจกับต่างชาติได้ เพราะอนาคตจะมีคนจากชาติต่างๆ เข้ามาทำการธุรกิจแข่งกับเรามากขึ้น ถ้าเรายังด้อยภาษาเราก็เสียเปรียบ” เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าว
ดร.เอนก กล่าวอีกว่า หากจะปฏิรูปโครงสร้างการศึกษา ทุกระบบต้องเปลี่ยนหมด แม้แต่ระบบราชการที่เดิมใช้เพียงภาษาไทย อาจจะต้องใช้ภาษาอังกฤษ เพิ่มขึ้นในองค์กร และเมื่อเปิดเสรีอาเซียน นอกจากภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องเรียนรู้แล้ว ต้องเรียนรู้ภาษาเพื่อนบ้านให้เป็นภาษาที่ 3 ด้วย เช่น ภาษาพม่า ภาษาลาว และเวียดนาม เพราะประชากรจากประเทศเหล่านี้จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ถ้าเราสามารถสื่อสารภาษาเขาได้ เราก็ได้เปรียบ โดยให้เริ่มจากจังหวัดที่อยู่ใกล้ประเทศนั้นๆ เพื่อใช้ในการสื่อสารทำธุรกิจการค้าร่วมกัน ซึ่งมองว่า อนาคตอีก 20 ปีข้างหน้าคนไทยต้องสามารถสื่อสารได้มากกว่า 2 ภาษา หากไม่เร่งดำเนินการเรื่องนี้ประเทศไทยก็จะเสียเปรียบและเสียโอกาสในทุกๆ เรื่อง