ศธ.รับลูก มูลนิธิฯไม่สูบบุหรี่ เตรียมสั่งติดป้ายห้ามสูบบุหรี่หน้าสถานศึกษารัฐและเอกชน กว่า 4 หมื่นโรง พร้อมกำชับผู้บริหาร ครูอาจารย์ นักการภารโรง เป็นแบบอย่างที่ดี
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้เดินทางเข้าพบ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการบังคับใช้ ข้อ 5.3 แห่งกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบแห่งองค์การอนามัยโลก เพื่อป้องกันนโยบายสาธารณสุขว่าด้วยการควบคุมยาสูบจากการแทรกแซงของผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้เสียอื่นในอุตสาหกรรมยาสูบ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา และมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ศธ.อาทิ การบรรจุเรื่องโรคที่เกี่ยวกับบุหรี่เข้าหลักสูตรการเรียนการสอน ติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษา ฯลฯ
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต กล่าวว่า เนื่องจากพบว่าอัตราการสูบบุหรี่ในเยาวชนสูงขึ้นทุกปี ในภาพรวมตั้งแต่ปี 2552 พบว่า มีผู้สูบบุหรี่ จำนวน 12.5 ล้านคน ในปี 2554 มีผู้สูบบุหรี่ จำนวน 13 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 5 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูบหน้าใหม่ซึ่งเป็นเยาวชนถึง 25% และยังเป็นกลุ่มที่ได้รับอันตรายจากควันบุหรี่มือ 2 ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของกฎหมายและมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ต้องการจะลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลง อีกทั้งจากสถิติการเสียชีวิต พบว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิตที่มีสาเหตุจากการสูบบุหรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 48,000 คนต่อปี จัดอยู่ในอันดับที่ 2 รองมาจากการเสียชีวิตที่มีสาเหตุจากการดื่มสุรา เพราะฉะนั้น จึงต้องการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลง และอยากให้ ศธ.ช่วยสนับสนุนและออกมาตรการเพื่อห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานราชการ ร่วมกิจกรรม หรือรับการสนับสนุนใดๆ จากธุรกิจยาสูบ เพราะอาจเป็นกรณีทับซ้อน หรือเป็นการแทรกแซงของธุรกิจยาสูบด้วย
ด้าน ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า ในโอกาสนี้ได้ให้ผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.มาร่วมรับฟังข้อเสนอจาก ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต รวมทั้งได้กำชับไป ว่า ให้ทุกหน่วยงานไปสอดส่องดูแล เพราะเราถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่มีหน้าที่ดูแลเยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีความสุข สุขภาพดี ที่สำคัญ โดยเฉพาะผู้สูบซึ่งเป็นเยาวชนหน้าใหม่นั้น จะต้องได้รับการดูแลและแก้ไขปัญหาให้จำนวนลดลง ทั้งนี้ จะมีการสั่งการให้นำป้ายห้ามสูบบุหรี่ ไปติดไว้ที่หน้าโรงเรียนทั้งสังกัดรัฐและเอกชน จำนวนกว่า 40,000 โรง อีกทั้งการจัดกิจกรรมใดๆ ห้ามไม่ให้มีการนำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยาสูบเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุน พร้อมให้กำชับผู้บริหารโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยด้วยว่า ห้ามไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในสถานศึกษา ห้ามไม่ให้นักเรียน นักศึกษาสูบบุหรี่ในขณะที่ยังสวมใส่เครื่องแบบ ขณะเดียวกัน ผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ นักการภารโรง ผู้นำทางศาสนาจะต้องเป็นแบบอย่างแก่นักเรียน นักศึกษา ด้วยการไม่สูบบุหรี่ อย่างไรก็ตาม ศธ.จะเริ่มดำเนินการเรื่องนี้โดยทันที โดยจะหารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้น แต่เบื้องต้นจะเริ่มต้นเรื่องนี้ที่ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นที่แรกเพื่อเป็นตัวอย่าง