แท็บเล็ตล็อตแรก 10,000 เครื่อง ถึงไทย 22 มิ.ย.นี้ จากกำหนดเดิม 21 มิ.ย.นี้ ไอซีที แจงเหตุผลเพราะติดขัดปัญหาสถานที่จัดเก็บ และได้เสนอขอให้เปลี่ยนชื่อให้ ศธ.เป็นผู้นำเข้าแท็บเล็ตแทน เพราะต้องเป็นผู้ทำหนังสือออกของเมื่อเครื่องมาถึง เป็นไปตามระเบียบให้ยกเว้นภาษีครุภัณฑ์ทางการศึกษา ขณะที่ จีนมีกำหนดส่งแท็บเล็ตครบ 400,000 เครื่อง 18 ส.ค.นี้
น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะคณะกรรมการจัดทำทีโออาร์แท็บเล็ต ป.1 และที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ต ป.1 เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตต่อนักเรียน (One Tablet PC Per Child) ว่า ล่าสุดนั้น บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ได้กำหนดจัดส่งแท็บเล็ตล็อตแรก จำนวน 10,000 เครื่อง จากจำนวนทั้งหมด 400,000 เครื่อง มาถึงประเทศไทยในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ แต่ล่าสุดได้เลื่อนการจัดส่งออกไป โดยเครื่องแท็บเล็ตล็อตจะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิวันที่ 22 มิ.ย.นี้
“สาเหตุที่ต้องมีการเลื่อน เนื่องจากเมื่อตนไปดูพื้นที่เก็บแท็บเล็ตที่คลังสินค้า บริษัท พัสดุภัณฑ์ไทย ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เช่าไว้นั้น พบว่า พื้นที่ในการจัดเก็บยังไม่เป็นสัดส่วน จึงขอให้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบดำเนินการกั้นห้องจัดเก็บให้เสร็จภายใน 2 วัน ทั้งนี้ เพราะคณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ตของกระทรวงไอซีที จะต้องใช้พื้นที่นี้ทำการทดสอบเครื่องแท็บเล็ตทั้งหมด จึงต้องมีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในภายหลัง ขณะเดียวกัน ได้มีการขอปรับเปลี่ยนเรื่องงานด้านธุรการใหม่ ซึ่งทางไอซีทีได้ขอให้ บ.เสิ่นเจิ้น สโคป เปลี่ยนชื่อผู้รับจากไอซีที เป็น กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงได้ประสานทาง บ.เสิ่นเจิ้น สโคป เลื่อนวันกำหนดส่งเป็นวันที่ 22 มิ.ย.” ที่ปรึกษา รมว.ไอซีที กล่าว
น.อ.สุรพล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กระทรวงไอซีทีเป็นผู้นำเข้าแท็บเล็ต เนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ไอซีทีเป็นผู้จัดซื้อเครื่องแท็บเล็ต แต่เห็นว่า ศธ.เป็นเจ้าของเรื่อง และตามปกติ ถ้าเป็นผู้นำเข้าธรรมดาสั่งของเข้ามา และต้องไปออกของที่ด่านศุลกากร จะต้องเสียภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม ไอซีทีจึงขอทำความตกลงกับกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เพื่อขอเปลี่ยนชื่อผู้นำเข้าเป็น ศธ.โดยได้เปลี่ยนชื่อเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ ปลัด ศธ.จะต้องเป็นผู้นำเข้าแท็บเล็ต หรืออาจจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน เพื่อที่จะขอยกเว้นภาษีนำเข้าเนื่องจากเป็นครุภัณฑ์ทางการศึกษา ซึ่งสามารถละเว้นภาษีได้ตามระเบียบอยู่แล้ว ในวันที่ 22 มิ.ย.ช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่จาก ศธ.จะต้องเป็นผู้มาออกของและให้ส่วนงานพัสดุของ สพฐ.เป็นผู้เคลื่อนย้ายแท็บเล็ต มาไว้ที่คลังสินค้าดังกล่าว
ด้าน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การจัดส่งเครื่องแท็บเล็ตล็อตแรกนั้นเป็นหน้าที่ของไอซีที และหน่วยงานของ ศธ.ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ตนอาจจะไม่ต้องไปดูด้วยตนเอง โดยในส่วนของ ศธ.มีหน้าที่ทำหนังสือออกของเมื่อเครื่องแท็บเล็ตมาถึง
อนึ่ง สำหรับการจัดส่งเครื่องแท็บเล็ต 400,000 เครื่องของ บ.เสิ่นเจิ้น สโคป นั้น ล็อตแรกจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.จำนวน 10,000 เครื่อง หรือ 625 กล่อง บรรจุกล่องละ 16 เครื่อง ส่วนล็อตถัดมาจะจัดส่งมาวันละ 12,288 เครื่อง หรือ 768 กล่อง โดยในเดือน มิ.ย.นั้น จัดส่งในวันที่ 26 มิ.ย.และวันที่ 29 มิ.ย.และเมื่อเข้าเดือน ก.ค.ทางบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป จะจัดส่งแท็บเล็ตมาในจำนวนเท่าเดิมติดต่อกัน 4 วัน คือ วันอังคาร ถึงวันศุกร์ ของทุกสัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3-6 ก.ค., วันที่ 10-13 ก.ค., วันที่ 17-20 ก.ค., วันที่ 24-27 ก.ค., วันที่ 31 ก.ค.-วันที่ 1- 3 ส.ค., วันที่ 7-10 ส.ค., วันที่ 14-17 ส.ค.และล็อตสุดท้ายจำนวน 19,360 เครื่องหรือ 1,210 กล่อง จะจัดส่งเสร็จสิ้นในวันที่ 18 ส.ค.ซึ่งเท่ากับว่า การจัดส่งแท็บเล็ตได้ครบ 400,000 เครื่อง
น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะคณะกรรมการจัดทำทีโออาร์แท็บเล็ต ป.1 และที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ต ป.1 เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตต่อนักเรียน (One Tablet PC Per Child) ว่า ล่าสุดนั้น บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ได้กำหนดจัดส่งแท็บเล็ตล็อตแรก จำนวน 10,000 เครื่อง จากจำนวนทั้งหมด 400,000 เครื่อง มาถึงประเทศไทยในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ แต่ล่าสุดได้เลื่อนการจัดส่งออกไป โดยเครื่องแท็บเล็ตล็อตจะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิวันที่ 22 มิ.ย.นี้
“สาเหตุที่ต้องมีการเลื่อน เนื่องจากเมื่อตนไปดูพื้นที่เก็บแท็บเล็ตที่คลังสินค้า บริษัท พัสดุภัณฑ์ไทย ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เช่าไว้นั้น พบว่า พื้นที่ในการจัดเก็บยังไม่เป็นสัดส่วน จึงขอให้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบดำเนินการกั้นห้องจัดเก็บให้เสร็จภายใน 2 วัน ทั้งนี้ เพราะคณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ตของกระทรวงไอซีที จะต้องใช้พื้นที่นี้ทำการทดสอบเครื่องแท็บเล็ตทั้งหมด จึงต้องมีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในภายหลัง ขณะเดียวกัน ได้มีการขอปรับเปลี่ยนเรื่องงานด้านธุรการใหม่ ซึ่งทางไอซีทีได้ขอให้ บ.เสิ่นเจิ้น สโคป เปลี่ยนชื่อผู้รับจากไอซีที เป็น กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงได้ประสานทาง บ.เสิ่นเจิ้น สโคป เลื่อนวันกำหนดส่งเป็นวันที่ 22 มิ.ย.” ที่ปรึกษา รมว.ไอซีที กล่าว
น.อ.สุรพล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กระทรวงไอซีทีเป็นผู้นำเข้าแท็บเล็ต เนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ไอซีทีเป็นผู้จัดซื้อเครื่องแท็บเล็ต แต่เห็นว่า ศธ.เป็นเจ้าของเรื่อง และตามปกติ ถ้าเป็นผู้นำเข้าธรรมดาสั่งของเข้ามา และต้องไปออกของที่ด่านศุลกากร จะต้องเสียภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม ไอซีทีจึงขอทำความตกลงกับกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เพื่อขอเปลี่ยนชื่อผู้นำเข้าเป็น ศธ.โดยได้เปลี่ยนชื่อเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ ปลัด ศธ.จะต้องเป็นผู้นำเข้าแท็บเล็ต หรืออาจจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน เพื่อที่จะขอยกเว้นภาษีนำเข้าเนื่องจากเป็นครุภัณฑ์ทางการศึกษา ซึ่งสามารถละเว้นภาษีได้ตามระเบียบอยู่แล้ว ในวันที่ 22 มิ.ย.ช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่จาก ศธ.จะต้องเป็นผู้มาออกของและให้ส่วนงานพัสดุของ สพฐ.เป็นผู้เคลื่อนย้ายแท็บเล็ต มาไว้ที่คลังสินค้าดังกล่าว
ด้าน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การจัดส่งเครื่องแท็บเล็ตล็อตแรกนั้นเป็นหน้าที่ของไอซีที และหน่วยงานของ ศธ.ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ตนอาจจะไม่ต้องไปดูด้วยตนเอง โดยในส่วนของ ศธ.มีหน้าที่ทำหนังสือออกของเมื่อเครื่องแท็บเล็ตมาถึง
อนึ่ง สำหรับการจัดส่งเครื่องแท็บเล็ต 400,000 เครื่องของ บ.เสิ่นเจิ้น สโคป นั้น ล็อตแรกจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.จำนวน 10,000 เครื่อง หรือ 625 กล่อง บรรจุกล่องละ 16 เครื่อง ส่วนล็อตถัดมาจะจัดส่งมาวันละ 12,288 เครื่อง หรือ 768 กล่อง โดยในเดือน มิ.ย.นั้น จัดส่งในวันที่ 26 มิ.ย.และวันที่ 29 มิ.ย.และเมื่อเข้าเดือน ก.ค.ทางบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป จะจัดส่งแท็บเล็ตมาในจำนวนเท่าเดิมติดต่อกัน 4 วัน คือ วันอังคาร ถึงวันศุกร์ ของทุกสัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3-6 ก.ค., วันที่ 10-13 ก.ค., วันที่ 17-20 ก.ค., วันที่ 24-27 ก.ค., วันที่ 31 ก.ค.-วันที่ 1- 3 ส.ค., วันที่ 7-10 ส.ค., วันที่ 14-17 ส.ค.และล็อตสุดท้ายจำนวน 19,360 เครื่องหรือ 1,210 กล่อง จะจัดส่งเสร็จสิ้นในวันที่ 18 ส.ค.ซึ่งเท่ากับว่า การจัดส่งแท็บเล็ตได้ครบ 400,000 เครื่อง
