“เกย์นที” นำทีมฟ้องศาลปกครองกรณี ร.ร.สวนกุหลาบ ไม่ให้นักศึกษาเป็นกะเทยสอนใน ร.ร.พร้อมยื่นหนังสือถึง รมว.ศึกษาฯ ขอความชัดเจนถึงนโยบายด้านการศึกษาที่มีต่อคนหลากหลายเพศ ด้าน ผอ.ร.ร.เผย คณบดี มศว หอบดอกไม้ขอโทษ ระบุ ไม่ได้รังเกียจ แต่ต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์ของ ร.ร.ที่เน้นสร้างสุภาพบุรุษ เตรียมทำหนังสือถึงทุกมหาวิทยาลัยทำความเข้าใจกรณีส่งนักศึกษามาฝึกสอนที่ ร.ร.
วันนี้ (7 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายนที ธีระโรจนพงษ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายอัตลักษณ์ทางเพศ และน.ส.สุจินต์รัตน์ ประชาไทย ประธานชมรมนางฟ้าจำแลง ได้ยื่นหนังสือถึง ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่องการกดขี่ข่มเหงทางเพศของสถาบันการศึกษาในประเทศไทย เพื่อขอความชัดเจนถึงนโยบายทางการศึกษาของ ศธ.ที่มีต่อบุคคลหลากหลายทางเพศที่มีอยู่ในปัจจุบันว่ามีทิศทางเช่นไร
โดย นายนที กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ส่งตัวครูฝึกสอนเพศที่ 3 กลับ โดยอ้างเหตุผลว่า มีบุคลิกที่ไม่เหมาะสมในการทำหน้าที่สอนหนังสือให้นักเรียนโรงเรียนชายล้วนของโรงเรียนดังกล่าว อีกทั้งคงไม่สามารถสร้างให้นักเรียนชายล้วนเป็นสุภาพบุรุษได้ และทางมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของศิษย์ มิหนำซ้ำยังกระทำการอันเชื่อได้ว่าบีบบังคับขืนใจนักศึกษาเพศที่ 3 ให้ยอมจำนน ไม่ต่อสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของเขาคืนมา ด้วยการขอร้องให้นักศึกษาคนดังกล่าวยุติการเคลื่อนไหว เพราะเป็นการกระทำให้วงการศึกษาเสื่อมเสีย ดังนั้น เครือข่ายอัตลักษณ์ทางเพศ ประกอบด้วย กลุ่มบางกอกเรนโบว์ กลุ่มนางฟ้าจำแลง กลุ่มบ้านสีม่วง กลุ่มเกย์การเมืองไทย กลุ่มกะเทยแท้แห่งประเทศไทย ได้มีมติเอกฉันท์ร่วมกัน และขอประกาศจุดยืนเพื่อขอเรียกร้องความเป็นธรรมต่อสถาบันการศึกษาทั้ง 2 แห่ง ว่า ควรให้มีบุคคลหลากหลายทางเพศไม่ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ขณะเดียวกันทางเครือข่ายฯ ต้องการขอทราบความชัดเจนในนโยบายของ ศธ.ที่มีต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศว่าเป็นเช่นไร รวมถึงการกระทำของอาจารย์บางท่านของทั้ง 2 สถาบันนั้น ว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่
“การออกมาครั้งนี้เพื่อเรียกร้องนี้ พวกผมไม่ได้ต้องการให้น้องนักศึกษาเขาต้องออกมา และน้องเองก็กลัวจะเรียนไม่จบ แต่เราออกมา เพราะรู้สึกว่าไม่ถูกต้องที่สถาบันการศึกษาจะมาคิดอคติต่อกัน แม้ว่าพวกเราจะเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศก็ตาม เพราะฉะนั้น เราก็จะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งกรณีน้องนักศึกษาดังกล่าว ทราบว่า ทางคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มศว ได้เรียกน้องไป และขอร้องไม่ให้ออกสื่อ ซึ่งน้องก็บอกว่ารับปากไปแล้ว และเวลานี้น้องก็เกิดความเครียด ซึ่งที่ผ่านมา น้องไม่ได้เป็นผู้ออกสื่อ แต่กลับเป็นทางฝ่ายโรงเรียนที่ออกมาพูดกับสื่อ ทั้งนี้ ผมมองว่า การศึกษานั้นควรมองที่คุณภาพของคนมากกว่าเรื่องของเพศ น่าจะเหมาะสมที่สุด ไม่ใช่มองว่าเป็นกะเทยแล้วมาสอนหนังสือเด็กชายล้วนแล้วเด็กจะกลายเป็นกะเทยไปด้วยนั้น อีกทั้งแทนที่จะสร้างให้เด็กเป็น “สุภาพบุรุษ” ควรสร้างให้เขาเป็น “สุภาพชน” จะเหมาะสมยิ่งกว่า” นายนที กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตนจะเดินทางไปยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองด้วย เอาผิดโรงเรียนสวนกุหลาบ และขอให้มีคำสั่งในให้บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศนั้น สามารถสอนหนังสือ เพื่อให้ถือเป็นหลักการที่ปฏิบัติทั่วกันในทุกสถานศึกษา ไม่ใช่เลือกปฏิบัติเหมือนกรณีนี้
ด้าน นายเชิดศักดิ์ ศุพโสภณ ผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบ กล่าวว่า ขณะนี้ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มศว ได้นำดอกไม้มาขอโทษโรงเรียน และทำความเข้าใจกับโรงเรียนเรียบร้อย กรณีที่นักศึกษาดังกล่าวได้โพสต์ข้อความต่อว่าโรงเรียนผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าไม่มีใครผิด แต่เนื่องจากโรงเรียนมีอัตลักษณ์ในการสร้างผู้นำ ขณะเดียวกัน ก็เป็นโรงเรียนชายล้วน รวมถึงมีประวัติก่อตั้งยาวนานถึง 130 ปี โดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีความรังเกียจนักศึกษาที่เบี่ยงเบนทางเพศ เพราะในสมัยที่ตนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสห ที่มีนักเรียนชายและหญิง ก็เคยรับนักศึกษาเหล่านี้เข้าไปฝึกสอน แต่เมื่อมาเป็นชายล้วนที่เน้นสอนให้นักเรียนเป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้น จึงต้องเลี่ยงที่จะให้นักศึกษาที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเข้ามาฝึกสอนเพราะอาจจะทำให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้
ทั้งนี้ ตนจะทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการส่งนักศึกษาที่มาฝึกสอนในโรงเรียนสวนกุหลาบ เพื่อต่อไปมหาวิทยาลัยจะส่งนักศึกษามาฝึกสอนได้ตรงตามต้องการมากขึ้น ส่วนกรณีที่เครือข่ายอัตลักษณ์ฯ จะไปฟ้องร้องศาลปกครองนั้น ตนยังไม่ทราบ และยืนยันว่า ขณะนี้ทางโรงเรียนได้เคลียร์กับนักศึกษาและมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ (7 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายนที ธีระโรจนพงษ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายอัตลักษณ์ทางเพศ และน.ส.สุจินต์รัตน์ ประชาไทย ประธานชมรมนางฟ้าจำแลง ได้ยื่นหนังสือถึง ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่องการกดขี่ข่มเหงทางเพศของสถาบันการศึกษาในประเทศไทย เพื่อขอความชัดเจนถึงนโยบายทางการศึกษาของ ศธ.ที่มีต่อบุคคลหลากหลายทางเพศที่มีอยู่ในปัจจุบันว่ามีทิศทางเช่นไร
โดย นายนที กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ส่งตัวครูฝึกสอนเพศที่ 3 กลับ โดยอ้างเหตุผลว่า มีบุคลิกที่ไม่เหมาะสมในการทำหน้าที่สอนหนังสือให้นักเรียนโรงเรียนชายล้วนของโรงเรียนดังกล่าว อีกทั้งคงไม่สามารถสร้างให้นักเรียนชายล้วนเป็นสุภาพบุรุษได้ และทางมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของศิษย์ มิหนำซ้ำยังกระทำการอันเชื่อได้ว่าบีบบังคับขืนใจนักศึกษาเพศที่ 3 ให้ยอมจำนน ไม่ต่อสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของเขาคืนมา ด้วยการขอร้องให้นักศึกษาคนดังกล่าวยุติการเคลื่อนไหว เพราะเป็นการกระทำให้วงการศึกษาเสื่อมเสีย ดังนั้น เครือข่ายอัตลักษณ์ทางเพศ ประกอบด้วย กลุ่มบางกอกเรนโบว์ กลุ่มนางฟ้าจำแลง กลุ่มบ้านสีม่วง กลุ่มเกย์การเมืองไทย กลุ่มกะเทยแท้แห่งประเทศไทย ได้มีมติเอกฉันท์ร่วมกัน และขอประกาศจุดยืนเพื่อขอเรียกร้องความเป็นธรรมต่อสถาบันการศึกษาทั้ง 2 แห่ง ว่า ควรให้มีบุคคลหลากหลายทางเพศไม่ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ขณะเดียวกันทางเครือข่ายฯ ต้องการขอทราบความชัดเจนในนโยบายของ ศธ.ที่มีต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศว่าเป็นเช่นไร รวมถึงการกระทำของอาจารย์บางท่านของทั้ง 2 สถาบันนั้น ว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่
“การออกมาครั้งนี้เพื่อเรียกร้องนี้ พวกผมไม่ได้ต้องการให้น้องนักศึกษาเขาต้องออกมา และน้องเองก็กลัวจะเรียนไม่จบ แต่เราออกมา เพราะรู้สึกว่าไม่ถูกต้องที่สถาบันการศึกษาจะมาคิดอคติต่อกัน แม้ว่าพวกเราจะเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศก็ตาม เพราะฉะนั้น เราก็จะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งกรณีน้องนักศึกษาดังกล่าว ทราบว่า ทางคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มศว ได้เรียกน้องไป และขอร้องไม่ให้ออกสื่อ ซึ่งน้องก็บอกว่ารับปากไปแล้ว และเวลานี้น้องก็เกิดความเครียด ซึ่งที่ผ่านมา น้องไม่ได้เป็นผู้ออกสื่อ แต่กลับเป็นทางฝ่ายโรงเรียนที่ออกมาพูดกับสื่อ ทั้งนี้ ผมมองว่า การศึกษานั้นควรมองที่คุณภาพของคนมากกว่าเรื่องของเพศ น่าจะเหมาะสมที่สุด ไม่ใช่มองว่าเป็นกะเทยแล้วมาสอนหนังสือเด็กชายล้วนแล้วเด็กจะกลายเป็นกะเทยไปด้วยนั้น อีกทั้งแทนที่จะสร้างให้เด็กเป็น “สุภาพบุรุษ” ควรสร้างให้เขาเป็น “สุภาพชน” จะเหมาะสมยิ่งกว่า” นายนที กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตนจะเดินทางไปยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองด้วย เอาผิดโรงเรียนสวนกุหลาบ และขอให้มีคำสั่งในให้บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศนั้น สามารถสอนหนังสือ เพื่อให้ถือเป็นหลักการที่ปฏิบัติทั่วกันในทุกสถานศึกษา ไม่ใช่เลือกปฏิบัติเหมือนกรณีนี้
ด้าน นายเชิดศักดิ์ ศุพโสภณ ผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบ กล่าวว่า ขณะนี้ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มศว ได้นำดอกไม้มาขอโทษโรงเรียน และทำความเข้าใจกับโรงเรียนเรียบร้อย กรณีที่นักศึกษาดังกล่าวได้โพสต์ข้อความต่อว่าโรงเรียนผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าไม่มีใครผิด แต่เนื่องจากโรงเรียนมีอัตลักษณ์ในการสร้างผู้นำ ขณะเดียวกัน ก็เป็นโรงเรียนชายล้วน รวมถึงมีประวัติก่อตั้งยาวนานถึง 130 ปี โดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีความรังเกียจนักศึกษาที่เบี่ยงเบนทางเพศ เพราะในสมัยที่ตนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสห ที่มีนักเรียนชายและหญิง ก็เคยรับนักศึกษาเหล่านี้เข้าไปฝึกสอน แต่เมื่อมาเป็นชายล้วนที่เน้นสอนให้นักเรียนเป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้น จึงต้องเลี่ยงที่จะให้นักศึกษาที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเข้ามาฝึกสอนเพราะอาจจะทำให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้
ทั้งนี้ ตนจะทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการส่งนักศึกษาที่มาฝึกสอนในโรงเรียนสวนกุหลาบ เพื่อต่อไปมหาวิทยาลัยจะส่งนักศึกษามาฝึกสอนได้ตรงตามต้องการมากขึ้น ส่วนกรณีที่เครือข่ายอัตลักษณ์ฯ จะไปฟ้องร้องศาลปกครองนั้น ตนยังไม่ทราบ และยืนยันว่า ขณะนี้ทางโรงเรียนได้เคลียร์กับนักศึกษาและมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว